สศก.แนะจับตาอนาคต “กาแฟ” พืชเศรษฐกิจ หนุนเกษตรกร จ.น่าน ผสานความร่วมมือแบบประชารัฐ ปลูก “โรบัสตา”
นางสาวราตรี เม่นประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทน สศก. เข้าร่วมการเสวนา บรรยาย และดูงานการเชื่อมโยงเครือข่ายกาแฟไทยจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งจัดโดยสมาคมกาแฟไทย เมื่อวันที่ 6-8 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่จังหวัดน่าน เพื่อให้หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกาแฟ และผู้นำเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์การผลิต และการตลาดกาแฟในปัจจุบัน
ปัจจุบัน การผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสตาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร และระนอง ส่วนพันธุ์อะราบิกาอยู่ทางภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ซึ่งจากข้อมูลการผลิตปัจจุบันพบว่า มีการปลูกกาแฟโรบัสตา ในภาคเหนือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดน่าน ซึ่งเดิมเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิกา แต่เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนมาปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเพิ่มขึ้นและสามารถปลูกได้ผลดี โดยปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยวและปลูกร่วมกับไม้ผล เช่น มะม่วง
สำหรับพื้นที่ปลูกกาแฟของจังหวัดน่านมีจำนวนกว่า 4,500 ไร่ ผลผลิตปีละ 400 ตัน โดยเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกกาแฟทั้งพันธุ์อะราบิกาและโรบัสตา ซึ่งการปลูกทั้ง 2 พันธุ์ จะขึ้นอยู่กับระดับความสูงของพื้นที่ โดยหากมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 700 เมตรขึ้นไป จะเหมาะสำหรับการปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิกา เช่นที่บ้านสันเจริญ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน แต่ถ้าพื้นที่มีความสูงไม่เกิน 700 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะเหมาะสมสำหรับการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตา เช่นที่ อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ที่สามารถผลิตกาแฟได้คุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถสร้างรายได้ดีให้แก่เกษตรกร โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกันส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกาแฟเพื่อทดแทนการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใน อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ซึ่งเกษตรกรมีความสนใจ พร้อมให้ความร่วมมือในการปรับเปลี่ยน นอกจากนี้ ในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 15,000 ไร่ กำลังปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกาแฟซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่ได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และกาแฟยังได้ถูกบรรจุเป็นพื้นที่แปลงใหญ่ของจังหวัดน่านในโครงการประชารัฐอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กาแฟจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในอนาคต และเป็นที่ต้องการของตลาดอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาทดแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งมีราคาตกต่ำ และไม่ยั่งยืน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2560-2564 โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พัฒนา
เครือข่ายระหว่างกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการ พัฒนาการแปรรูป รวมถึงยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่สากลและภาพลักษณ์กาแฟไทย ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้ากาแฟในอาเซียน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี