“ไม่มีนัยยะการเมือง/ไม่ทำคะแนน”
“คนชอบหรือไม่ชอบเรื่องธรรมดา”
“อนาคตของไม่แน่ขอทำงานเต็มกำลัง”
การเป็นผู้ว่าฯกทม.ไม่ใช่ลาภและไม่ใช่ทุกขลาภ แต่การเป็นผู้ว่าฯกทม.คือการทำงานเพื่อประชาชน นับเนื่องตลอดเวลาการเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ตาม มาตรา 44ของ คสช.ถึงปัจจุบันขวบปีเศษๆ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองต้องทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ฝีไม้ลายมือให้ประชาชนประจักษ์ และเพื่อไม่ให้ คสช.ต้องผิดหวัง ที่ได้ไว้วางใจให้เข้านั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ต่อจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง
แน่นอนเมื่อ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง การทำงานหนักหนาสาหัสมากกว่าคนที่มาจากการเลือกตั้งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะร่วงหล่นจากเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ก็มีความเป็นไปได้สูงกว่าการเลือกตั้ง เพราะถ้าการบริหารการจัดการไม่เข้าตาหรือคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์คณะ คสช. หรือมหาดไทย การปิดบัญชีจะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าการนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็ไม่ได้ทำให้ คณะ คสช.ผิดหวัง กระทรวงมหาดไทยเองก็ยอมรับว่ามรดกชิ้นนี้สามารถตอบโจทย์ประชาชนได้พอประมาณทีเดียว
การทำงานภายหลังนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2558 ถึงปัจจุบัน ผลงานน้อยใหญ่ทั้งของคนเก่าและของใหม่ได้รับการสานต่ออย่างเป็นระบบ สิ่งไหนเป็นประโยชน์กับประชาชนก็ประกาศิตสั่งการไม่ชักช้า มีการสั่งการ เร่งรัด ติดตามโครงการต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ ลูกจ้างกทม.ทุกคน ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นโยบาย “NOW” จะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างมาก และในเดือนมกราคม 2561 ว่ากันว่าจะมีการสรุปแถลงใหญ่อีกครั้ง และต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่ง
หากประเมินการทำงานในฐานะพ่อเมือง 1 ปีที่ผ่านมา
ขอพูดตรงๆ ว่าช่วง 1 ปีเศษๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นมานี้ได้พยายามทำดีที่สุดแล้ว และถ้าถามว่าจะให้ประชาชนทุกคนพึงพอใจทั้งหมดหรือ ขอตอบว่าเป็นไปไม่ได้ และไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ แต่ทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งตรงนี้ตอบได้ว่า คนส่วนใหญ่ได้อานิสงส์ ความไม่พอใจก็หาใช่เรื่องแปลกแต่ประการใดไม่ เพราะเรื่องของปุถุชนนำมาวัดให้เท่าเทียมกันไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็ทำเต็มที่
ปีที่ผ่านมาสื่อเองก็เห็นการติดตามงานทุกอย่างไม่ว่าของเก่าหรือของใหม่ จุดไหนโครงการใดมีปัญหาอุปสรรคก็จะถามผู้รับผิดชอบตรงไปตรงมาเช่นกันว่าเพราะอะไร การทำงานยุคนี้วันนี้ต้องเน้นเชิงรุก ไม่มีการนั่งรอเด็ดขาด ที่สำคัญการนั่งรอสรุปเนื้องาน คนที่ชื่อ อัศวิน ขวัญเมือง ก็ไม่ถนัดและสันทัด และไม่ใช่สไตล์ของตน
ที่สำคัญการทำงานเชิงรุกลงไปถึงหน้างานทำให้แลเห็นปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข เน้นย้ำไม่ให้เกิดปัญหาข้าราชการกับประชาชน และคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนสูงสุด ส่วนหากใครมองว่าเป็นการลวงลูกก็ต้องยอมรับเช่นกัน เพราะงานจะเดินได้ผู้ว่าฯกทม.ต้องเดินก่อน
“หากพูดกันแบบลูกผู้ชาย เมื่อผมลงไปดูปัญหาด้วยตัวเอง โอกาสที่งานจะขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายก็รวดเร็ว ซึ่งผลตอบรับปรากฏว่าประชาชนพอใจ เมื่อชาวบ้านพอใจ ผมก็ยิ้มได้ แม้จะมีร้องเรียนถึงการทำงานบ้างก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะผมถือว่าการร้องเรียนเป็นกระจกเงาสะท้อนปัญหาทำให้คนเป็นผู้ว่าฯกทม.ตาสว่าง”
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เองก็ยอมรับว่า เป็นคนใจร้อน สั่งการอะไรไปแล้วก็อยากให้รีบเร่งดำเนินการ แต่การทำงานก็ต้องไม่ผิดระเบียบ ทุกอย่างต้องอยู่บนเหตุและผล ใครทำไม่ได้เดี๋ยวให้คนอื่นลงไปทำแทน โลกสังคมปัจจุบันมันเปลี่ยนไป จะนั่งรับปัญหาอย่างเดียวไม่ได้และไม่ทันการณ์ และเมื่อมอบหมายงานไปต้องทุ่มเทเต็มความสามารถ คนทำงานต้องมีรางวัลปลอบใจ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง บอกว่า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ให้คนทำงานเพื่อหวังรางวัล ตำแหน่งเท่านั้น แต่ในโลกแห่งความจริงคนเราทำงานก็หวังก้าวหน้าเติบโตทั้งสิ้นอันเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นการทำงานดีย่อมต้องได้รับการตอบแทนไปตามระเบียบ ตามขั้นตอน
ผลงานที่ทำแล้วสำเร็จแล้วและที่จะทำต่อ
มีหลายเรื่อง ที่เห็นชัดเจน คือ ความสะอาดของเมืองดีขึ้นมาก เช่น การจัดระเบียบทางเท้าที่ต่างๆ “คลองหลอด” ถือเป็นผลงานที่ได้เริ่มทำมาตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ ซึ่งตอนนี้หลายคนบอกทำไม่ได้ เดี๋ยวนี้สะอาดแล้ว คลองโอ่งอ่างก็จัดระเบียบดูดี รัฐบาลให้งบประมาณมาพัฒนาต่อคูคลองต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็สะอาดขึ้น แต่ยังไม่ดีพอต้องทำต่อเนื่อง งานสตรีทฟู้ดเยาวราช งานพวกนี้เป็นงานบริการประชาชน หารูปธรรมจับต้องได้ยาก โดยรวมถือว่าวัฒนธรรมการกิน การอยู่ การค้าขายดีขึ้น
งานที่ทิ้งค้างมานาน มีหลายโครงการที่ทิ้งไว้น่าเสียดาย เช่น แฟลตข้าราชการกทม. 700 ห้อง ก็สั่งการเร่งเปิดให้ข้าราชการลูกจ้างกทม.ได้เข้าอยู่ตามระเบียบ โครงการขุดคลองต่างๆ 5-6 โครงที่ค้างอยู่หรือยังไม่ได้ทำก็ยกเลิกเอางบประมาณคืนไปใช้เรื่องอื่น โรงฆ่าสัตว์ปีใหม่นี้จะเปิดประมูลได้แล้ว
งานที่กำลังจะทำ เช่น อาคารจอดรถบางลำพูและสวนมะลิ ขณะนี้กำลังพิจารณาเปิดประมูลให้เอกชนทำ จะได้รายได้มากกว่ากทม.ทำเอง และอาคารประปาแม้นศรีที่ขอเช่าสำนักงานทรัพย์สิน ระยะเวลา 30 ปี ขณะนี้ผ่านไป 5 ปีแล้ว เป็นอาคาร 6 ชั้น ในชั้น 2-6 ยังไม่มีการใช้ประโยชน์ ก็ให้สำรวจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปใช้ประโยชน์ให้เต็มที่
สำหรับนโยบายใหม่ และได้สั่งการไปแล้วคือให้ทุกเขตทำนวัตกรรมของเขต 1 เขต 1 นวัตกรรมโดยกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการใน 4 ระยะ 100 วัน 200 วัน 300 วัน และ 1 ปี โดยสิ่งที่อยากจะทำมากที่สุดคือ เรื่องไฟฟ้าส่องสว่างในตรอกซอกซอย ในชุมชนต่างๆ ที่เปลี่ยวและมืด ให้ทุกเขตสำรวจและติดตั้งเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน
พล.ต.อ.อัศวิน ย้ำหนักแน่นว่า จากนี้ก็อยากทำงานสร้างบรรทัดฐานไว้เพื่อผู้ว่าฯกทม.คนต่อไปเข้ามาก็ดำเนินการต่อได้ทันทีเพราะทิ้งไม่ได้ ที่ผ่านมาเมื่อตนทำได้ คนอื่นก็ต้องทำได้ อย่างโครงการ “ปลูกป่าในใจคน ตามศาสตร์พระราชา” ที่ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินสักบาท ยังทำได้ หรือการป้องกันชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนนโยบายด้านนี้ที่ผ่านมาเป็นรูปธรรมระดับหนึ่ง และจะต้องทำอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง โดยต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เพราะถ้าไม่เช่นนั้นอนาคตข้างหน้ามีปัญหาแน่นอน โครงการนี้จึงเป็นงานหลักสำคัญ
อีกโครงการหนึ่งซึ่งถือว่าทอดทิ้งไม่ได้ คือการศึกษาของเด็กโรงเรียน กทม. บ้านเมืองจะเจริญได้อย่างมั่นคงการศึกษาต้องทั่วถึงอุปกรณ์ต้องพร้อมเพรียง ซึ่งเรื่องนี้ด้านนี้ได้มอบหมาย ให้ท่านรองผู้ว่าฯกทม. วรรณวิไล พรหมลักขโณ รับผิดชอบ ซึ่งเน้นหนักพัฒนา 3 ด้าน ใหญ่ทั้งกายภาพของโรงเรียน ครูผู้สอนและนักเรียน (3 แสนกว่าคน)ใน 1 ปี โรงเรียนกทม. 437 แห่งต้องมีกายภาพเอื้อต่อการเรียน ในปี2561 จะสร้างอาคารเรียนเพิ่ม 38 อาคาร แก้ปัญหาแออัดและซ่อมส่วนต่างๆ ภายในโรงเรียนให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพิ่มค่าอาหารจาก5 เป็น 10 บาท/คน เด็กทุกคนต้องอิ่มท้องได้อาหารครบ 5 หมู่ จัดครูให้พอดีกับนักเรียนเด็ก 25 คน/ห้อง โดยบรรจุครูใหม่ให้ครบอัตราการเรียนการสอน พัฒนาหลักสูตร พัฒนาครูได้มาตรฐานเดียวกับโรงเรียนสาธิต มีครูพิเศษสอนเสริม ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น มลายูมีโรงเรียนสองภาษามากขึ้น ลบภาพเด็กกทม.อ่านไม่ออกให้ได้ และสร้างโอกาสศึกษาด้านภาษาโดยส่งนักเรียนเข้าค่ายในต่างประเทศ หากเทียบนักเรียนโรงเรียนกทม. กับโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนสาธิต อาจต่ำกว่าแต่เทียบกับ โรงเรียนสังกัด สพฐ. เราเท่ากัน เพราะทั้งประเทศใช้เกณฑ์สอบเดียวกัน มีปัญหาเดียวกัน เราก็พยายามพัฒนาเด็ก มีคลังข้อสอบให้เด็ก มีครูสอนเสริมหลังเลิกเรียนโดยมีค่าล่วงเวลาให้
ทั้งหมดนี้คือเนื้องานที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินอยู่อย่างเกาะติด และเป้าหมายทั้งหมดไปประสบผลสัมฤทธิ์แค่ไหนเท่าไหร่หัวใจหลักใหญ่ก็อยู่ที่แนวทางบริหารจัดการ รวมทั้งรูปแบบการทำงานที่ถึงลูกถึงคนของคนที่ชื่อ อัศวิน ขวัญเมืองผู้ว่าฯกทม.คสช.
พรสวรรค์ จรเจริญ รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี