วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ศักราชใหม่ ขอถือโอกาสกราบสวัสดีปีใหม่ 2561 ท่านผู้อ่านอีกครั้งตามธรรมเนียมของคนไทย และขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ได้โปรดอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านและครอบครัวโชคดี มีความสุข ความสำเร็จ และสมหวัง ในสิ่งที่ปรารถนาตลอดทั้งปีใหม่ 2561 นี้ครับ
สิ้นปีที่ผ่านมาในการแถลงภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรปีเพาะปลูก 2559-2560 ของ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) มีข้อมูลน่าสนใจหลายอย่าง แต่อ่านแล้วก็ยังมีบางเรื่องที่อดสงสัยไม่ได้ว่ามันถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเกษตรกรไทยหายจนไปถึง 14 ล้านคน จนสื่อหลายสำนักเอาไปเป็นประเด็นพาดหัวเผยแพร่กันครึกโครม โดยรายละเอียดเรื่องนี้ เลขาธิการ สศก. “วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข” ท่านแถลงไว้อย่างนี้ครับ
“ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในภาคเกษตรช่วงปี 2539-2559 มีแนวโน้มลดลง สะท้อนจากสัดส่วนรายได้ทั้งหมดในภาคเกษตรที่เกษตรกรในกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่สุด 20% มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจาก 2.74% ในปี 2553 เป็น 5.33% ในปี 2559 ขณะที่เกษตรกรในกลุ่มที่มีรายได้มากที่สุด 20% มีสัดส่วนรายได้ลดลงจาก 58.75% ในปี 2553 เหลือเพียง 53.23% ในปี 2559
รอบ 20 ปีรายได้เฉลี่ยของเกษตรกรเพิ่มขึ้น กลุ่มที่มีความยากจนที่สุดที่เมื่อปี 2539 มีรายได้ต่อปี 2,774 บาท/ปี/ครัวเรือน แต่ปี 2559 มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่า หรือมีรายได้ 21,230 บาท/ครัวเรือน/ปี และในกลุ่มที่มีรายได้สูงสุดหรือเกษตรกรที่รวยสุด มีรายได้ในปี 2539 ประมาณ 59,528 บาท/ครัวเรือน/ปี เพิ่มขึ้น 3.5 เท่าในปี 2559 หรือมีรายได้ 212,034 บาท/ครัวเรือน/ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่าครัวเรือนเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น หนี้สินลดลง ความเหลื่อมล้ำในภาคเกษตรลดลงอย่างมาก ส่วนหนี้สินในปี 2559 มีอัตราที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เกิดจากหนี้สินจากการลงทุน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในปีถัดจากนี้ไปกลุ่มเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จากสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาของเกษตรกรกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่สุด ส่งผลให้จำนวนคนจนในภาคเกษตรลดลงถึง 14.329 ล้านคน จากในปี 2539 ภาคเกษตรมีคนจนอยู่สูงถึง 19.443 ล้านคน หรือคิดเป็น 72% ของประชากรภาคเกษตร แต่ในปี 2559 ภาคเกษตรกลับมีจำนวนคนจนลดลงเหลือเพียง 5.114 ล้านคน หรือคิดเป็น 21.67% ของประชากรภาคเกษตรเท่านั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแผนงานโครงการต่างๆ ด้านการเกษตรที่มีประสิทธิภาพของภาครัฐที่ผ่านมาได้มีส่วนสนับสนุนให้การพัฒนาการเกษตรของประเทศมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตัวเองได้และมีรายได้มั่นคง”
จากข้อมูลดังกล่าว โดยส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อถือในแง่ของตัวเลข เพราะยังมั่นใจว่า สศก. ไม่ทำงานมั่วแน่นอน แต่ยังรู้สึกสงสัย คือ ที่ระบุว่า “ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จำนวนคนจนในภาคเกษตรลดลงถึง 14.329 ล้านคน โดยปัจจุบันมีคนจนในภาคการเกษตรเหลืออยู่ 5.114 ล้านคน” นั้น ไม่ทราบว่าเป็นการคำนวณจาก “ฐานความคิด” แบบไหน เพราะเพียงลำพังการยกเอามาเพียงตัวเลขรายได้ ตัวเลขหนี้สิน แล้วบอกว่า “คนจนน้อยลง” แบบนี้ ใจผมก็ยังคิดว่ามันไม่ค่อยถูกหลักนัก
เอาง่ายๆ นะครับ 20 ปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขนาดไหน ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของทุกวันนี้มันแพงยังไง... เงิน 40 บาท ที่เมื่อ 20 ปีก่อนซื้อข้าวได้อย่างน้อย 2 จาน สมัยนี้ยังซื้อได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ... ถ้าหากไม่มีการนำตัวเลขเหล่านี้มาร่วมพิจารณาแล้วมาด่วนสรุปเอาว่า “คนจน” ลดลงแล้ว ผมว่ามันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว
จริงอยู่ครับ การที่รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น หนี้สินที่ลดลง อาจเพียงพอที่จะบอกว่า เขามีชีวิตที่ดีขึ้น...แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา มันเพียงพอที่จะช่วยให้เขายืนอยู่ได้จริงหรือไม่ นี่ยังเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ย้อนแย้งจากข้อมูลของรัฐที่พูดออกมาไม่หมด
ไม่เชื่อก็ลองไปดู ไปสัมผัสกับชีวิตเกษตรกรจริงๆ ดูสิครับแล้วจะรู้ว่า ทุกวันนี้เขาหายจนกันจริงหรือไม่
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี