3 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.ที่ห้องประชุม สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสบโชคชัย รอง ผบก.ภ.เชียงราย , พ.ต.อ.วิชาญ ชูฤทธิ์ ผู้กำกับ สภ.แม่สรวย และ พ.ต.ต.กฤตนัน เวียงคำ สารวัตรเจ้าของคดีกรณีเกิดเหตุ นายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปี ที่อยู่ 517 ม.16 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ถูกยิงด้วยกระสุนไม่ทราบขนาดเข้าที่ท้าทอยด้านหลังจนเสียชีวิต ขณะขับรถผ่านด่านชุมชน ซึ่งเป็นจุดบริการประชาชนบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ต.ท่าก๊อ ก่อนถึงถนนสายหลักเชียงราย - เชียงใหม่ ประมาณ 30 เมตร เหตุเกิดราว 1 ทุ่ม เมื่อคืนวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันประชุมเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนายศรชัย ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2กอ2137 กรุงเทพฯ พร้อมด้วยแฟนสาวชื่อ น.ส.ศิริรัตน์ แยเปียง ไปตามถนนเพื่อมุ่งหน้าจะไปทาง จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อขับผ่านจุดบริการดังกล่าวมาได้ประมาณ 100 เมตร ได้ถูกคนยิงเข้าที่ท้ายทอยจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ทางญาติได้มีการเสนอหรือโพสต์ข้อความไปยังสื่อสาธารณะพร้อมภาพประกอบ โดยมีเนื้อหาทำนองขอความเป็นธรรม เนื่องจากจุดเกิดเหตุพึ่งผ่านจุดบริการดังกล่าวมาด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คืนเกิดเหตุผู้ที่ประจำอยู่ด่านชุมชนแม่ต๋ำดังกล่าวมีจำนวน 19 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครตำรวจบ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน จิตอาสา ฯลฯ ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบสถานที่ และนำศพไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และนำรถยนต์ของกลางไปตรวจอย่างละเอียดที่ สภ.แม่สรวย
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประชุมเพื่อคลี่คลาย น.ส.ศิริรัตน์ พร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่ง ได้นำศพของนายศรชัย ที่อยู่ในโลงศพ บรรทุกรถยนต์กระบะเดินทางมายังบริเวณลานจอดรถของ สภ.แม่สรวย โดย น.ส.ศิริรัตน์ ถือภาพถ่ายของนายศรชัยไปด้วย พร้อมแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่ามาขอความเป็นธรรม โดยจะไม่ยอมฌาปนกิจศพหากว่าไม่ได้รับคำตอบเรื่องการเสียชีวิตของนายศรชัยดังกล่าว
ล่าสุดทาง พล.ต.ท.พลูทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ตร.ภาค 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอแม่สรวย ได้ติดตามคดีดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.วิชาญ ชูฤทธิ์ ผกก.แม่สรวย ในฐานะหัวชุดคลี่คลายคดี นำสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง หลังญาติได้นำศพผู้เสียชีวิตมาร้องถึงหน้า สภ.แม่สรวย
โดยเบื้องต้นทางตำรวจได้ให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรเชียงราย ได้เข้าทำการเก็บหลักฐานและตรวจหาหลักฐานอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตลอดจนวิถีกระสุน จากรถที่ประสบเหตุอีกครั้ง เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน โดยการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบปลอกหรือหัวกระสุนอาวุธปืนที่ระบุชนิดได้ แต่จากร่องรอยและสะเก็ดของกระสุนปืนน่าจะเป็นอาวุธปืนลูกซอง
เวลาต่อมาทาง พล.ตท.พลูทรัพย์ จึงได้เชิญตัวทาง น.ส.ศิริรัตน์ แยเบียง แฟนผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยทนายความ และญาติอีกจำนวนหนึ่ง เข้าไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหามูลเหตุและข้อเท็จจริงทั้งก่อนและหลังการเกิดเหตุ โดยเฉพาะมูลเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งทางผู้เสียหายยังคงยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งกับใคร และขับขี่มาตามปกติ โดยที่เจ้าหน้าที่ประจำด่านไม่ได้มีการเรียกให้หยุดรถเพื่อเรียกตรวจแต่อย่างไร
ต่อมาเวลา 17.30 น.ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีจึงได้ทำการเรียกทางกำนันตำบลแม่สรวย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) ตำรวจ และทหารที่ประจำจุดตรวจ และเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุจำนวนกว่า 10 คน มาทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่พอทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งยังอยู่นระหว่างการสอบสวนและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งให้ทางกำนันและผู้ใหญ่บ้านจำนวนหนึ่ง ไปนำอาวุธปืนและชุดปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุมาตรวจสอบประกอบการให้การอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่ติดหน้ารถผู้เสียชีวิตพบว่า ในระหว่างเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ขับรถผ่านด่านตามปกติ โดยผ่านด่านตรวจยังจุดเกิดเหตุตามที่ให้การจริง โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ซึ่งแต่งคล้ายอาสาสมัครและชุด ชรบ.ปฎิบัติหน้าอยู่ที่ด่านประมาณ 3 - 4 คน โดยใช้มีการใช้มือและไฟฉายโบก แต่ดูไม่ออกชัดเจนว่าเป็นเรียกตรวจ หรือโบกให้ชะลอ โดยที่รถผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้ชะลอหรือเร่งความเร็ว ขับขี่ผ่านด่านตรวจไป จากนั้นก็มีเสียงคล้ายเสียงผู้ชายร้องครวญคราง จากนั้นรถก็วิ่งไถลไปข้างทางชนกับเสาไฟฟ้า โดยมีเสียงผู้หวีดร้องแล้วภาพก็ดับไป
ล่าสุด พล.ต.ท.พลูทรัพย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังการสอบสวนปากคำแล้ว ว่า พอเริ่มจะเห็นแล้วว่าเรื่องเกิดจากอะไร มีคนรับแล้วว่ามีการยิงปืนบ้าง แต่ยังไม่ยอมรับตรงๆ บางก็ว่ายิงขู่ บ้างก็ว่ายิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งทางตำรวจจะต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อมัดตัว ซึ่งได้ให้ทางตำรวจกักตัวผู้ที่มีอาวุธปืน ให้กับไปเอาปืนมามอบให้กับตำรวจ เพื่อนำมาตรวจสอบ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะจุดตรวจดังกล่าวเป็นด่านตรวจของชุมชน เป็นด่านตรวจของฝ่ายปกครอง ไม่ได้เป็นด่านตรวจหลักของตำรวจ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาวุธปืนที่เรียกมาสอบส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทุกคน
พล.ต.ท.พลูทรัพย์ กล่าวด้วยว่า ข้อเท็จจริงจุดตรวจดังกล่าวเป็นจุดตรวจเพื่อใช้ดูแลไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตามท้องถนน รวมทั้งอาชญากรในบริเวณนั้น เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะจากการสอบปากคำ น.ส.ศิริรัตน์ ที่นั่งมาด้วยนั้น ทราบว่ามองจากในรถนั้นมองแทบไม่เห็น เห็นด่านก็เห็นเฉพาะไฟ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ แต่จริงๆ มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ 4 คน ในวันเกิดเหตุ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะชุดที่เจ้าหน้าที่ใส่สีมืด และฟิล์มติดรถนั้นหนา ซึ่งทางด่านก็เข้าใจว่ามีการแหกด่าน บางคนก็มีการใช้อาวุธจึงทำให้เกิดการสูญเสีย
อย่างไรก็ตาม คดีนี้จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ต้องค่อยๆ ดำเนินการตามกฎหมายและหลักฐาน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งก็มีกรอบการดำเนินการอยู่ จะรวบรัดโดยทันทีไม่ได้ เพราะต้องอาศัยพยานหลักฐานหลายอย่างประกอบกัน แม้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเมื่อกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้ว่าจะปฎิบัติหน้าที่อยู่ก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ญาติซัดด่านสุดเถื่อน! หนุ่มขับเก๋งผ่านจุดตรวจถูกยิงท้ายทอยดับ
ตร.ยันฟันไม่เลี้ยง จนท.เอี่ยวปมญาติร้องด่านสุดเถื่อนยิงผิดตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี