เมื่อวันที่ 5 มกราคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.นิธิธรจินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง พร้อมคณะ แถลงจับกุมนายไหล เข็น เฟ่ย อายุ 41 ปี สัญชาติมาเลเซีย โดยจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 405 โรงแรมคาลิปโซ่ ซอยสุขร่วมกัน แขวงและเขตดินแดง กทม.พร้อมของกลางบัญชีธนาคาร, บัตรเครดิต, โทรศัพท์มือถือ, ซิมโทรศัพท์, สลิปธนาคาร รวมหลายรายการ จับกุมได้เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นการขยายผลจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จับกุมได้ในพื้นที่ย่านทองหล่อ กทม. และ จ.สมุทรปราการ โดยพบว่าผู้ต้องหาเดินทางเข้าประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีกำหนดออกนอกประเทศในวันที่ 9 มกราคมนี้ ซึ่งจุดประสงค์ที่เข้ามา ก็เพื่อนำเงินซึ่งหลอกจากผู้เสียหายชาวต่างชาติ ออกจากบัญชีธนาคาร รวมทั้งโอนเงินไปยังบัญชีของผู้จ้างวานอีกทอดหนึ่ง โดยพบว่ามีบัญชีในชื่อของคนไทยกว่า 63 เล่ม ถูกใช้ในการกระทำความผิดล้วนถูกจ้างให้เปิดบัญชีไว้
รอง ผบช.ทท.กล่าวต่อว่า เมื่อมีพยานหลักฐานจึงขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ก่อนจะเข้าจับกุมนายไหล เข็น เฟ่ย กับพวกอีก 5 คน ทั้งหมดสัญชาติมาเลเซีย พร้อมของกลางดังกล่าว อย่างไรก็ดี ขณะนี้สำหรับคนไทยที่ไปเปิดบัญชีธนาคารไว้ ได้เริ่มทยอยปิดบัญชีแล้ว ที่เหลือจึงเป็นบัญชีของเก่า ซึ่งตำรวจจะเร่งสืบสวนแกะรอยเส้นทางการเงิน เพื่อดำเนินคดีกับหัวหน้าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ใช้หรือมีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น, นำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปใช้ แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบัตร และข้อหาตาม พ.ร.บ.การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.เอกพลปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป.เข้าจับกุม นายลิขิต พลคำมาก อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และอั้งยี่ซ่องโจร จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีพฤติการณ์ร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สัญชาติจีน หลอกลวงผู้เสียหายโดยก่อนหน้านี้เคยถูกดำเนินคดีที่ประเทศจีนมาแล้ว สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม พล.ต.ท.ชาญเทพเสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.พร้อมคณะ แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ถึง 3มกราคม 2561 รวม 7 วัน โดย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวว่า การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการเน้นปราบปรามอาชญากรรมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เน้นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิดยาเสพติด การพนัน การค้าประเวณี และการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งสามารถจับกุมคดีความผิดต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ ได้ผู้ต้องหา 83 ราย คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์
ได้ผู้ต้องหา 107 ราย ความผิดค้ามนุษย์ จับกุมผู้ต้องหา20 ราย คดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด ได้ผู้ต้องหา 38 ราย ยึดอาวุธปืน 32 กระบอก กระสุนปืน 245 นัด คดียาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 1,027ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า 25,169 เม็ด ยาไอซ์ 2,119 กรัม และคดีเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบ จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย
ส่วนภาพรวมเกี่ยวกับเรื่องการจราจรนั้น ทาง บช.น.ร่วมกับกองบังคับการจราจร (บก.จร.) ได้ใช้กำลังปฏิบัติหน้าที่ 3,850 นาย มีสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 10 ราย เป็นจักรยานยนต์ 10 ราย โดยมี 6 รายไม่สวมหมวกนิรภัย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากขับขี่จักรยานยนต์ ให้สวมใส่หมวกนิรภัยเพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี