8 ม.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงข่าวว่า จากการไต่สวนคดีเรียกรับเงินที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) โอนเงินค่าสนับสนุนสำหรับจัดทำโครงการอบรมพระธรรมทูตเผยแพร่พุทธศาสนา ประจำปี 2558 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการกล่าวหา น.ส.ประนอม คงพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ พศ. และพวกรวม 9 คน ซึ่งมีการเรียกรับเงิน จากวัดชลธาราวาส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส, วัดยูปาราม อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และวัดสุริยาราม อ.เทพา จ.สงขลา
ทั้งนี้ จากการไต่สวนพบว่า มีขั้นตอนดำเนินการมีพฤติการณ์คล้ายกับกรณีวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนา จ.สงขลา ไปเจรจากับวัด หลังจากได้รายชื่อและบัญชีธนาคารของวัดแล้ว ได้เสนอเรื่องให้ น.ส.ประนอม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนโครงการ กิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาฯ
จากนั้น น.ส.ประนอมได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมพิจารณาเงินอุดหนุน ทั้งที่ไม่มีคำขออุดหนุนงบประมาณจากทางวัดประกอบการพิจารณา แต่มีการอ้างถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งที่ประชุมก็ได้พิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนทั้ง 3 วัด มูลค่ารวม 12 ล้านบาท และนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการ พศ.ในขณะนั้นก็ได้อนุมัติโอนจ่ายเงินตามที่มีการพิจารณาจัดสรร ก่อนที่นายเสถียรจะติดต่อไปยังวัดทั้ง 3 โดยให้ทางวัดเก็บเงินไว้เพียง 8 แสนบาท ส่วนที่เหลือ 3.2 ล้านบาท รวม 3 วัดเป็นมูลค่า 9.6 ล้านบาท ให้เตรียมไว้เพื่อนำมาคืนให้นายเสถียร
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า เมื่อนายเสถียรถูกจับกุม น.ส.ประนอม มีการโทรศัพท์แจ้งให้นายวสวัตติ์ กิตติธีระสวัสดิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ จัดทำเอกสารโครงการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพรพุทธศาสนาเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น จำนวน 3 กิจกรรม เพื่อเป็นการแสดงว่าจะนำเงินที่เรียกคืนจาก 3 วัดไปใช้ในโครงการดังกล่าวซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นการจัดทำเอกสารเท็จ เพื่อรองรับการเรียกรับเงินของนายเสถียร จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น
นายวรวิทย์ กล่าวว่า แม้กรณีดังกล่าวจะมีการประสานและติดตามเงินทั้งหมดรวม 12 ล้านบาทกลับมาได้ทั้งหมด แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว จึงมีมติว่า น.ส.ประนอม และนายเสถียร มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 162(4) ประกอบมาตรา 83 และตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 123/1 ส่วนนายพนม มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157
ขณะที่นายประสงค์ จักรคำ ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา, นายวสวัตติ์ กิตติธีระสวัสดิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ, นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณฯ มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 (4) ประกอบมาตรา 83 และตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
นอกจากนั้นนางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร นักวิชาการศาสนาชำนาญการ, นายดำรงศักดิ์ เกตุแก้ว นักวิชาการศาสนาชำนาญการ และนายจักรเวทย์ เดชบุญ นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณฯ มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานและเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี