8 ม.ค. 61 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าพบนายยงยุทธ สิทธิธัญกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เพื่อหารือแนวทางเร่งฟ้องและคืนทรัพย์สินผู้เสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง
โดยภายหลังการหารือร่วมกันเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ แถลงผลการหารือว่า คดีคอลเซ็นเตอร์เป็นคดีความเดือดร้อนพื้นฐานของประชาชน ขณะนี้สำนวนที่เราดำเนินการมาทั้งหมดใกล้สรุปสำนวนแล้วจะส่งให้กับพนักงานอัยการ วันนี้ เรามาเพื่อจะตั้งคณะทำงานร่วมกันในคดี ซึ่งเหตุที่เราสามารถปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 2 เดือน เพราะคณะทำงานมีการบูรณาการร่วมกัน ทั้งในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท), สถาบันการเงินทุกสถาบัน, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการสำนักงานคดีเศษฐกิจฯ การหารือร่วมกับอัยการฝ่ายเศรษฐกิจฯ เราเอาสำนวนมาบูรณาการร่วมกันเพื่อปิดช่องโหว่ เราจะทำ 2 ส่วน คือ 1.การปราบปรามเชิงรุก 2.การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อนำทรัพย์สินคืนสู่ประชาชนโดยเร็วที่สุด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการนำเงินไปใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต การประชุมนัดแรกในวันนี้ ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะตั้งคณะทำงานดำเนินการรับสำนวนการสอบสวนคดีคอลเซ็นเตอร์ เพื่อไปพิจารณาสั่งสำนวนต่อไป
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สำนวนที่เราทำมาค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว เรื่องการสอบสวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำเป็นขบวนการ ต้องทำให้ปรากฏได้ว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ ตั้งแต่การเปิดบัญชี คนกดเงิน เบิกเงินไปใช้ โอนไปต่างประเทศ เจ้าของในต่างแดน เป็นต้น เรื่องการสืบสวนสอบสวนเราทำอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นไปตามแนวทางของอัยการอยู่แล้ว เรามาบูรณาการร่วมกันเพื่อให้การส่งสำนวนรัดกุมรวดเร็วขึ้น และอยู่ในห้วงระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ที่ต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์มากขึ้นรัดกุมมากขึ้น เราทำทั้งการสอบสวนปราบปรามจับกุมควบคู่กัน และนำเงินคืนสู่ประชาชนให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีทั้งหมดกี่สำนวน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทั้งหมด 167 สำนวน ถือว่ามากและต้องใช้เวลาในการพิจารณาตรวจสอบร่วมกัน ของเก่าเราจะเคลียร์ให้หมด ตนจะเร่งรัดเต็มที่ไม่เกิน 3-4 เดือนต้องเสร็จ จะได้เอาเวลาไปทำเรื่องอื่นที่ประชาชนเดือดร้อน ฝากสื่อช่วยประชาสัมพันธ์เยอะๆ คนจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ยอมรับว่าขณะนี้สถานการณ์เรื่องคอลเซ็นเตอร์ดีขึ้น พรุ่งนี้ (9 ม.ค.) จะมีการประชุมร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางของประเทศมาเลเซีย จะนำข้อมูลทั้งหมดที่เตรียมไว้แล้วไปเรียนว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในมาเลเซียมีจุดไหนบ้างที่เราจะประสานให้จับกุม จะไปร่วมจับกุมและสังเกตการณ์ด้วย มีคนไทยกี่คนจะได้ขยายผลต่อ การแก้ไขปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้ยั่งยืนจับแค่ในประเทศไม่พอ ต้องไปจับที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งเรามีข้อมูลอยู่ ทางมาเลเซียก็มีการปราบปรามอยู่แล้ว เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ความผิดนอกราชอาณาจักรต้องให้อัยการสูงสุดซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสั่งคดีมา เพราะมีคนไทยที่ไปทำผิดในต่างแดน ส่วนเงินที่อยู่ในต่างประเทศนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกหากไล่สืบเส้นทางการเงินได้ก็นำกลับมาได้หมด
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 ปปง. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการยึดอายัดทรัพย์สินแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 53 ล้านบาท และออกประกาศให้ผู้เสียหายมาแจ้งขอเงินคืน นำข้อมูลทางธุรกรรมส่งอัยการและส่งศาลเพื่อพิจารณาว่าใครควรจะได้เท่าไหร่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของพนักงานสอบสวนด้วยว่าเส้นทางการเงินของบุคคลที่เรายึดกับเส้นทางการเงินของผู้เสียหายเป็นเส้นทางเดียวกันหรือไม่ สำหรับผู้เสียหายที่เพิ่งถูกหลอกใหม่ๆ เมื่อมีการแจ้งความเสียหายเข้ามาเร็วก็สามารถยึดตรวจสอบอายัดได้ทัน เมื่อตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหายรายนั้นแน่นอนแล้วก็สามารถคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายได้ ในส่วนของ ปปง.สามารถคืนไปได้แล้ว 3 ราย ประมาณเกือบ 2 ล้านบาท ส่วนทางตำรวจคงคืนไปได้แล้วประมาณ 6-7 ราย การจะคืนเงินต้องมีความชัดเจนว่าเป็นเงินของผู้เสียหายแน่นอน ถ้ามันไม่ชัดเจนจริงๆ อำนาจในการคืนเงินจะขึ้นอยู่กับพนักงานอัยการหรือศาลต่อไป สำหรับการหลอกลวงด้วยการออกหมายปลอมนั้นเริ่มมีการระบาดในช่วงหลัง รูปแบบการหลอกลวงมีการเปลี่ยนแปลงไปต้องมีความระมัดระวัง แต่ไม่ว่ารูปแบบในการหลอกจะเป็นอย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ต้องโอนเงินออกจากบัญชีของคุณ หากถึงขั้นนี้เชื่อได้ว่าคุณถูกหลอกแล้ว เพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดดำเนินการลักษณะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี