กรรมติดจรวด"ประนอม-พนม"อ่วมหนัก!ปปช.ฟันอีก 9 ผู้บริหาร-จนท.พศ.คดีอมเงินทอนวัดจังหวัดชายแดนใต้ 9.6 ล้าน แฉพฤติการณ์ทำเป็นขบวนการโกงคล้ายวัดพนัญเชิง-ปลอมเอกสารหวังกลบการทุจริต ด้าน”วัชรพล”จ่อใช้ก.ม.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนล่าอดีตผอ."นพรัตน์"
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.แถลงข่าวว่า จากการไต่สวนคดีเรียกรับเงินที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โอนเงินค่าสนับสนุนสำหรับจัดทำโครงการอบรมพระธรรมทูตเผยแพร่พุทธศาสนา ประจำปี 2558 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการกล่าวหา น.ส.ประนอม คงพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ พศ.และพวกรวม 9 คน ซึ่งมีการเรียกรับเงิน จากวัดชลธาราวาส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส , วัดยูปาราม อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และวัดสุริยาราม อ.เทพา จ.สงขลา โดยจากการไต่สวนพบว่า มีขั้นตอนดำเนินการมีพฤติการณ์คล้ายกับกรณีวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนา จ.สงขลา ไปเจรจากับวัด
โดยหลังจากได้รายชื่อและบัญชีธนาคารของวัดแล้ว ได้เสนอเรื่องให้ น.ส.ประนอม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุน โครงการ/กิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาฯ จากนั้น น.ส.ประนอม ได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมพิจารณาเงินอุดหนุน ทั้งที่ไม่มีคำขออุดหนุนงบประมาณจากทางวัดประกอบการพิจารณา แต่มีการอ้างถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งที่ประชุมก็ได้พิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนทั้ง 3 วัด แห่งละ 4 ล้านบาท มูลค่ารวม 12 ล้านบาท และนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการ พศ.ในขณะนั้นก็ได้อนุมัติโอนจ่ายเงินตามที่มีการพิจารณาจัดสรร โดยนายเสถียรได้ติดต่อไปยังวัดทั้ง 3 แห่ง โดยให้ทางวัดเก็บเงินไว้เพียง 8 แสนบาท ส่วนเงินที่เหลือ 3.2 ล้านบาท ของ 3 วัด รวม 9.6 ล้านบาท ให้เตรียมไว้เพื่อนำมาคืนให้นายเสถียร
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า เมื่อนายเสถียรถูกจับกุม น.ส.ประนอม มีการโทรศัพท์แจ้งให้นายวสวัตติ์ กิตติธีระสวัสดิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ จัดทำเอกสารโครงการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนาเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น จำนวน 3 กิจกรรม เพื่อเป็นการแสดงว่าจะนำเงินที่เรียกคืนจาก 3 วัด ไปใช้ในโครงการดังกล่าวซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นการจัดทำเอกสารเท็จ เพื่อรองรับการเรียกรับเงินของนายเสถียร จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า แม้กรณีดังกล่าวจะมีการประสานและติดตามเงินทั้งหมดรวม 12 ล้านบาท กลับมาได้ทั้งหมด แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว จึงมีมติว่า น.ส.ประนอม และนายเสถียร มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 , 157 , 162(4) ประกอบมาตรา 83 และตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 123 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 123/1 ส่วนนายพนม มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ขณะที่นายประสงค์ จักรคำ ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา, นายวสวัตติ์ กิตติธีระสวัสดิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ, นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณฯ มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , 162 (4) ประกอบมาตรา 83 และตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
นอกจากนั้น นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร นักวิชาการศาสนาชำนาญการ , นายดำรงค์ศักดิ์ เกตุแก้ว นักวิชาการศาสนาชำนาญการ และนายจักรเวทย์ เดชบุญ นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณฯ มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานและเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงการดำเนินการกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ว่า เรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการขอความร่วมมือทางอาญา เพราะมี พ.ร.บ.ความร่วมมือทางอาญาอยู่แล้ว อาจขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าเขาหลบหนีต้องหลบหนีตลอดชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี