วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
10 ม.ค. 61 นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรแลสหกรณ์ กล่าวภายหลังสมาคมน้ำยางข้นไทย สมาคมถุงมือยางไทย สมาคมธุรกิจค้ายางไทย เข้าพบเพื่อหารือถึงแนวทางรักษาเสถียรภาพราคายางร่วมกัน ว่าตัวแทนสมาคมได้มาขอบคุณรัฐบาลที่มีมาตรการให้สินเชื่อผู้ประกอบการยางพารา โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ ร้อยละ 3 เพื่อดูดซับปริมาณยางในตลาด ซึ่งมาตรการทั้งหมดเมื่อลงสู่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จะสามารถยกระดับราคาขึ้นได้ นอกจากนี้ทางสมาคมผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยาพาราเช่น โต๊ะ เก้าอี้ ถุงมือยาง ได้แจ้งว่าประเทศในแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา เริ่มนำกติกาเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์เหมือนกับไอยูยู ที่ใช้เป็นกฎกติกาก่อนสั่งสินค้าประมงเข้าประเทศ ดังนั้นหากต้องการซื้อโต๊ะไม้ยางจากไทย ต้องมีตรามาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน หรือ FSC (Forest Stewardship Council)โดยปัจจุบันในทะเบียนของ กยท.มีการรับรองเกษตรกรปลูกยางพารา 5 หมื่นไร่ จาก 14 ล้านไร่ ซึ่งตนได้รับปากผู้ส่งออก ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ คาดว่าหาก กยท.ทำมาตรฐานรับรองเพิ่มขึ้นได้เร็วอาจดูดซับปริมาณยางได้ถึง 3 แสนตันต่อปี ทั้งนี้ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของไทยคือประเทศจีน ที่มีความต้องการยางพาราจากไทยอย่างต่อเนื่อง
รมว.เกษตรฯกล่าวอีกว่าในระหว่างวันที่ 11 – 12 มกราคม นี้ มีกำหนดเดินทางไปยังกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 4 ในฐานะประธานที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ หรือ อามาฟ และทำหน้าที่ประธานที่ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยสาระสำคัญในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมจะให้ความเห็นชอบและรับทราบผลการดำเนินงานระยะกลางของความร่วมมืออาเซียน-อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ปี พ.ศ. 2554-2558 และพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานระยะกลางของความร่วมมืออาเซียน-อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ ซึ่งจะสิ้นสุดในปี พ.ศ.2563 เพื่อนำไปสู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร โดยมีเป้าหมายให้อาเซียนและอินเดียมีการทำเกษตรและใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยนายกฤษฎา จะมีการหารือทวิภาคีร่วมกับนายราด้า โมฮานซิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร สาธารณรัฐอินเดีย ถึงความร่วมมือระหว่างไทย – อินเดีย ในด้านการเกษตร เพื่อขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ซึ่งอินเดียถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่ปัจจุบันอินเดียนำเข้ายางพาราจากไทยเป็นอันดับที่ 7 คิดเป็นปริมาณการนำเข้าประมาณ 4,226 ล้านบาท/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี