11 ม.ค.61 จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) มีลักษณะเป็นแนวยาวเลียบตามฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ประมาณ 174 กม. (บ้านแพง-ธาตุพนม) ภูมิประเทศทั่วไป เป็นป่าเขาที่เนินสูงและทีราบ ด้านทิศตะวันออกติดกับแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดน เสน่ห์ของแขวงคำม่วนคือ มีเทือกทิวเขาสลับซับซ้อน อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้จังหวัดนครพนมได้รับอานิสงส์กับบรรยากาศนี้ด้วย
จากอากาศที่บริสุทธิ์เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว เลาะชมความงามตามธรรมชาติ กีฬาที่เหมาะสมคงหนีไปพ้นการปั่นจักรยาน ในวันเสาร์ที่ 3 และวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2561 จังหวัดนครพนม ร่วมกับท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม(ททก.) ททท.สำนักงานเขตจังหวัดนครพนม หอการค้าจังหวัดนครพนม และชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพจังหวัดนครพนม จึงจัดปั่นเชื่อม 2 แผ่นดิน ไทย-ลาว สตาร์ทจากสะพานมิตรภาพฯ 3(นครพนม-คำม่วน) ไหว้พระธาตุศรีโคดตะบอง จากนั่นปั่นเลาะเนินไหล่เขาไปสักการะพระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขต เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับองค์พระธาตุพนมของไทย ค้างคืนที่สะหวันนะเขต 1 คืน วันรุ่งขึ้นปั่นข้ามสะพานมิตรภาพฯ 2 (สะหวันนะเขต-มุกดาหาร) แวะสักการะองค์พระธาตุพนม แล้วจบทริปที่สักการะพระมหาธาตุ เขตเทศบาลเมืองนครพนม ทั้งหมดทั้งปวง มีนายสุรัตน์ (เฮียฮอลล์) ก้องเกียรติกมล ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม เป็นแม่งานใหญ่ และยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับต้นๆของจังหวัด
โดยพระธาตุอิงฮังและพระธาตุศรีโคตรบูร อยู่บนเส้นทางปั่นจักรยานเชื่อม 2 แผ่นดินกัน กล่าวคือ “พระธาตุอิงฮัง” เป็นพระธาตุคู่แฝดของ”พระธาตุพนม” สูง 25 เมตร ตั้งอยู่ทางหลวงหมายเลข 13 เลียบถนนบ้านโพนสิม แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กม. มีภาพสลักนูนสูงแบบฮินดู สันนิษฐานน่าจะเป็นศิลปะเขมร ประดับประดารอบพระธาตุทั้ง 4 ด้าน ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุอิงฮังอย่างยิ่งใหญ่ โดยจะมีขบวนแห่เทียน และฟ้อนรำถวายองค์พระธาตุคำว่า "อิงฮัง" เป็นคำในภาษาลาว หมายถึง "พิงรัง" หรือ "พิงต้นรัง" ในภาษาไทย (ต้นรัง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ต้นสาละ ซึ่งเป็นต้นไม้สำคัญในตำนานแห่งพระพุทธประวัติ)
ประวัติความเป็นมาทราบว่า”พระธาตุอิงฮัง” สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.400 สมัยอาณาจักรศรีโคตรบอง หรือ ศรีโคตรบูร รุ่งเรืองสุดขีด ในยุคพระเจ้าสุมิตธรรมวงศา โดยสร้างขึ้นตามคำแนะนำของสมณทูตสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เดินทางเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ เริ่มแรกสร้างเป็นธาตุกู่ เสร็จแล้วได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ “กระดูกสันหลังพระพุทธเจ้า”ที่อัญเชิญมาจากกรุงราชคฤห์ มาประดิษฐานไว้ภายในกู่ธาตุ เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนสถานที่ปรินิพพานที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานในป่าฮัง(ป่ารัง)
ตำนานอุรังคธาตุ กล่าวไว้ว่า ในสมัยพุทธกาลองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จเปิดโลกและรับอาราธนามาฉันภัตตาหารที่บริเวณนี้ ต่อมาพระเจ้าพระเจ้าสุมิตธรรมวงศา กษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรศรีโคตรบอง ได้สร้างพระธาตุองค์นี้ขึ้นพร้อมตั้งชื่อว่า”พระธาตุอิงฮัง” จนถึงศตวรรษที่ 9 อาณาจักรศรีโคตรบอง เริ่มเสื่อมอำนาจ ชาวขอมรุกเข้ามามีอำนาจแทน พระธาตุอิงฮัง จึงถูกดัดแปลงเป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ ภายใต้การบัญชาการของพระเจ้าสุมนธาธิราชราชา มีการสร้างต่อเติมองค์พระธาตุ ตกแต่งลวดลาย ประติมากรรมเป็นเรื่องเมถุนสังวาส และรามายนะ นับแต่นั้นมาลักษณะศิลปกรรมของพระธาตุอิงฮัง จึงเป็นศิลปะแบบขอมโบราณ พร้อมกับเรียกชื่อว่า “อินทรปราสาท”กาลล่วงเลยถึงศตวรรษที่ 14 ชนชาติลาวได้เข้ามามีอำนาจแทนขอม “พระโพธิสารราช” กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ชักชวนพุทธศาสนิกชนบูรณปฏิสังขรณ์ ประกอบด้วย “พระธาตุพนม พระธาตุอิงฮัง และ พระธาตุโพนคึมใหญ่” จนถึงสมัยพระไชยเชษฐาธิราชเจ้า ได้ต่อเติมศิลปะล้านช้างเข้าไปผสมผสานในองค์พระธาตุอิงฮัง ดัดแปลงให้เป็นพระธาตุทางพระพุทธศาสนา โดยฐานพระธาตุแต่ละด้านกว้าง 2 เมตร สูง 25 เมตร ปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีตำนานความเชื่อของชุมชนบ้านธาตุอิงฮังในละแวกนั้น เล่ากันว่าการที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาเสวยภัตตาหารบริเวณนี้ และเสวยภัตตาหารที่ทำจากเนื้อหมู จึงเกิดอาหารเป็นพิษ ชุมชนบ้านธาตุอิงฮัง จึงไม่มีใครเลี้ยงหมูจนถึงปัจจุบัน นี่คือความเชื่อพุทธของชาวบ้าน ที่มีระบบความเชื่อ ความศรัทธา ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด
ส่วนที่ “แขวงคำม่วน” สปป.ลาว ฝั่งตรงข้ามกับจังหวัดนครพนม มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญเชื่อมโยงกับนครพนมคือ “พระธาตุศรีโคดตะบอง”หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าพระธาตุศรีโคตรบูร ประดิษฐานอยู่ใน “วัดพระธาตุศรีโคดตะบอง”(วัดพระธาตุศรีโคตรบูร) วัดคู่บ้านคู่เมืองคำม่วน
“พระธาตุศรีโคดตะบอง” เป็นพระธาตุพี่น้องกับพระธาตุพนมของไทย สร้างขึ้นในยุคเดียวกับพระธาตุพนม เมื่อครั้งที่ยังเป็นอาณาจักรศรีโคตรบูร เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้านันทเสนแห่งเมืองศรีโคตรบูร ภายในวัดมีอนุสาวรีย์ของพระยาศรีโคดตะบอง กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศรีโคตรบูร ที่สุดท้ายแล้วต้องสิ้นชีพเพราะโดนพระชายาหักหลัง ด้วยเหตุนี้ชาวลาวจึงไม่ขอพรเรื่องความรักจากพระธาตุองค์นี้ เพราะเป็นสถานที่เก็บอัฐธาตุของพระยาศรีโคดตะบอง แต่มักนิยมบนบานเรื่องการงานและเรื่องของหาย และ “พระธาตุนคร” ประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ภายในบรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ ที่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้ถวาย กล่าวกันว่าผู้ที่ไปนมัสการพระธาตุแห่งนี้ จะได้รับอานิสงส์เสริมบุญบารมี และมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน
ส่วนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทั้งสองแห่ง มีชื่อเรียกว่า “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2”(สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อยู่ จ.หนองคาย) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทย เข้ากับแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเศรษฐกิจตะวัน ตกตะวันออก ซึ่งเริ่มจากพม่า ผ่าน ไทย ลาวและสิ้นสุดที่เวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงของธนาคารการพัฒนาแห่งเอเชีย ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 1,600 เมตร มีความกว้าง 12 เมตร และมีช่องการจราจร 2 ช่อง เปิดทำการเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2549
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) ก็เป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งด้านการค้า และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากประเทศไทย ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม และภาคใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีความยาวรวม 1,423 เมตร มีความกว้าง 13 เมตร และมีการช่องจราจร 2 ช่อง เพื่อเป็นการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2015 ทั้งนี้ วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์สะพานฯ และเสด็จทรงเป็นประธานพิธีเปิดอย่างเป็นทางการร่วมกับสหายบุนยัง วอละจิด รองประธานประเทศลาว ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 11.11 น. (11/11/11/11/11) เลขหนึ่งสิบตัวนี้ อันที่จริงคือเลข 11 บอกวัน ว. เวลา น. คือ เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที วันที่ 11 เดือน 11(พฤศจิกายน) ค.ศ. 2011(พ.ศ.2554) เป็นวันฤกษ์งามยามดีที่ “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3” ได้เปิดอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ กิจกรรมปั่นจักรยานเชื่อม 2 แผ่นดิน ครั้งนี้ มีค่าสมัครท่านละ 1,500 บาท (รวมค่าประกันอุบัติเหตุ อาหาร 4 มื้อ ที่พัก 1 คืน ค่ารถเซอร์วิส และค่าผ่านแดน) รับจำนวนเพียง 200 ท่านเท่านั้น นักปั่นน่องเหล็กทุกคนต้องมีพาสปอร์ต ที่เหลืออายุการใช้งานถึงวันที่ 2 กันยายน 2561 รับเสื้อปั่นจักรยาน เป็นที่ระลึกคนละ 1 ตัว สามารถแจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และขนาดเสื้อจักรยาน ไปยังหมายเลข 086-3210566 มีนักปั่นระดับตำนานหลายท่านแจ้งความจำนงแล้วหลายท่าน หนึ่งในนั้นมี นายศุภชัย (ครูแก้ว) โพธิ์สุ อดีต รมช.เกษตรฯ และนักปั่นจาก อุดรธานี ร้อยเอ็ด ชลบุรี นครราชสีมา อำนาจเจริญ หนองคาย สกลนคร ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ กรุงเทพฯ ศรีสะเกษ และนครพนม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี