พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการที่จะบังคับใช้กับผู้ทวงถามหนี้ เฉพาะที่เป็นไปตามมาตรา ๓ ซึ่งให้คำนิยามเอาไว้ ดังนี้
“ผู้ทวงถามหนี้ หมายความว่าเจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้ให้สินเชื่อ ผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเป็นปกติธุระตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน และเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีสิทธิรับชำระหนี้อันเกิดจากการกระทำที่เป็นทางการค้าปกติ หรือเป็นปกติธุระของเจ้าหนี้ ทั้งนี้ ไม่ว่าหนี้ดังกล่าวจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึง ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ดังกล่าว ผู้รับมอบอำนาจช่วงในการทวงถามหนี้ผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ และผู้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ด้วย”
การให้กู้ยืมเงินระหว่างเพื่อนฝูง ซึ่งผู้ให้กู้ไม่ได้ทำเป็นทางการค้าปกติ ผู้ให้กู้จึงไม่ใช่เจ้าหนี้ผู้ให้สินเชื่อตามกฎหมายฉบับนี้ เพราะกฎหมายต้องการที่จะบังคับกับบุคคลซึ่งให้สินเชื่อเป็นทางการค้าปกติ หรือบุคคลซึ่งรับซื้อหรือรับโอนสินเชื่อต่อไปทุกทอดเท่านั้น
นอกจากนี้ลูกหนี้จะต้องเป็นบุคคลธรรมดา และถ้ามีผู้ค้ำประกันด้วยแล้ว ผู้ค้ำประกันต้องเป็นบุคคลธรรมดาเช่นกัน ส่วนลูกหนี้ที่เป็นนิติบุคคล หรือผู้ค้ำประกันที่เป็นนิติบุคคล ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายฉบับนี้ถ้าผู้ทวงถามหนี้ไปทวงถามหนี้นิติบุคคล แล้วไปละเมิดลูกหนี้ หรือผู้ค้ำประกันที่เป็นนิติบุคคลนั้น จะต้องไปว่ากล่าวในกฎหมายอื่น
ถ้าการยืมเงินกันเป็นครั้งคราว โดยผู้ให้ยืมไม่ได้ทำเป็นปกติธุระ หรือทำเป็นทางการค้าปกติ แม้ไปทวงถามใน Facebook ก็ไม่ผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานหมิ่นประมาท ตามนัยฎีกาที่ ๑๗๓๙/๒๕๒๓ ซึ่งวินิจฉัยโดยย่อว่า “เดิมห้างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ ๑ ติดต่อค้าขายกันมาหลายปีโดยโจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยที่ ๑ ต่อมาโจทก์เลิกซื้อสินค้าจากจำเลยที่ ๑ และยังค้างชำระค่าสินค้าจำเลยที่ ๑ อยู่ จำเลยที่ ๑ ได้ทวงถามโจทก์ให้ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว โจทก์ไม่ชำระ จึงได้มีประกาศโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ข้อความว่า ให้โจทก์จัดการชำระหนี้ที่ค้างจำเลยที่ ๑ ภายใน ๗ วันมิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ และส่วนตัวเป็นผู้จัดให้มีการประกาศข้อความดังกล่าวก็ตามข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นเรื่องคำเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ซึ่งจำเลยที่ ๑ มีสิทธิที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งข้อความที่ประกาศก็ไม่มีข้อความใดที่เป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘”
ถ้าเพิ่มข้อความที่มีความหมายเป็นการดูหมิ่น ดูถูกเหยียดหยาม สบประมาทใน Facebook ด้วย อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ หรือหากมีการตัดต่อภาพ ดัดแปลงภาพลูกหนี้ลงใน Facebook อาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามมาตรา ๑๖ ได้
แต่ถ้าผู้ทวงถามหนี้ทำการทวงถามหนี้ ที่เป็นผู้ให้สินเชื่อซึ่งเป็นทางการค้าปกติ ทวงถามหนี้ทาง Facebook ย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.๒๕๕๘ มาตรา ๑๑ (๔) ต้องรับโทษตามมาตรา ๓๙ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี