อัยการจวกตำรวจทำงานต้องรอบคอบ ชี้อัยการควรมีอำนาจถ่วงดุลการสอบสวน แบงก์ต้องดูหน้าลูกค้าให้เห็นชัดเจนก่อนเปิดบัญชีให้
11 ม.ค.61 นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถูกล้วงกระเป๋าบนรถประจำทาง และถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์สวมรอยนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนเงินจากเหยื่อรวม 10 ล้านบาท จนถูกออกหมายจับ ว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่า น.ส.ณิชา แจ้งความว่าอย่างไร แจ้งว่าบัตรประชาชนหายเฉยๆ หรือหายเพราะเกี่ยวพันกับคดีอาญา ถ้าเกี่ยวพันกับคดีอาญา เช่น ถูกวิ่งราวทรัพย์ ลักทรัพย์ ตำรวจต้องรับเเจ้ง และสอบสวน เมื่อมีการสอบสวนแล้วได้นำประเด็นนี้ไปโยงกับที่ น.ส.ณิชา ถูกกล่าวหาหรือไม่ เหตุการณ์นี้อย่าโทษใคร ให้มองที่งานสอบสวนว่า ครบถ้วนรอบคอบหรือไม่ ถ้าครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้นก่อนจะออกหมายจับจะเป็นอย่างไร คดีนี้จะได้ความแต่แรก
"เรารู้เพียงแต่ว่ามีการกระทำผิด แต่ยังไม่ได้ตัวผู้กระทำว่าเป็นใคร เพียงแต่รู้ว่าบัญชีดังกล่าวคือ น.ส.ณิชา แต่ไม่รู้ว่าเป็นบัญชีของตัวจริงหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีใครยืนยัน การสอบสวนในคดีนี้เริ่มต้นต้องไปสอบสวนว่าธนาคารเปิดบัญชีอย่างไร มีภาพถ่ายผู้เปิดหรือไม่ อยากให้พนักงานสอบสวนรอบคอบ ลองเช็คหมายเลขบัตรประชาชน จะสามารถเช็คประกันสังคมได้ว่า น.ส.ณิชา ทำงานที่ไหน ตำรวจสามารถตามไปดูได้ว่ามีพฤติกรรมการหลบหนีหรือไม่ มีความพยายามเพียงพอหรือยังที่จะนำตัวเข้าสู่กระบวนการสอบสวน อันนี้เป็นเพียงการส่งหมายเรียก 2 ครั้ง เมื่อไม่มีก็สันนิษฐาน แล้วไปขอออกหมายจับ ถือเป็นการทำลายเสรีภาพ น.ส.ณิชา ทางอ้อม เพราะไม่รอบคอบ
ทั้งนี้ น.ส.ณิชา นำเอกสารต่างๆ ไปพบตำรวจ เป็นการแสดงหลักฐาน ทั้งไม่ควรต้องแสดงด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะต้องหาหลักฐานมาแสดงยืนยันว่า น.ส.ณิชา เป็นคนเปิดบัญชีเป็นตัวการ
นายปรเมศวร์ กล่าวด้วยว่า จากกรณีนี้มองถึงการปฏิรูประบบการสอบสวน ว่า การสอบสวนต้องมีความละเอียดรอบคอบ เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ทุกวันนี้พนักงานสอบสวนพร้อมที่จะให้อัยการหรือหน่วยงานอื่นเข้าร่วมหรือไม่ ไม่ใช่อัยการจะไปร่วมสอบสวน แต่ร่วมตรวจสอบในการถ่วงดุลก่อนออกหมายจับ หรือการจะฝากขังส่งให้อัยการดูก่อน สมัยก่อนกระทรวงมหาดไทยส่งให้อัยการดูก่อน เราจะต้องกลั่นกรองก่อนเพื่อเป็นหลักประกันเสรีภาพของประชาชน แต่ไม่รู้ว่าพนักงานสอบสวนออกมาคัดค้านเพราะอะไร
นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือธนาคารควรดูหน้าตาลูกค้าว่า ตรงกับหลักฐานหรือไม่ อย่าอยากได้ลูกค้าจนกลายเป็นความเสี่ยงกับการกระทำประมาทและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของคน กรณีนี้สามารถฟ้องธนาคารฐานประมาทเลินเล่อได้ ตลอดจนพนักงานสอบสวนอาจถูกฟ้องได้เช่นกัน การขอออกหมายจับที่ใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดเกี่ยวกับการละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ
"เดี๋ยวนี้การไปเปิดบัญชียื่นบัตรประชาชนก็เเทบไม่ต้องกรอกรายละเอียด พอเสียบบัตรก็มีการก็อบปี้ข้อมูลออกมาให้เราเซ็นชื่ออย่างเดียว" นายปรเมศวร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี น.ส.ณิชา ควรมีหน่วยงานใดมาเยียวยา นายปรเมศวร์ กล่าวว่า น.ส.ณิชา ถูกขังเป็นเวลา 3 วัน ได้รับการเยียวยาวันละไม่กี่ร้อยบาท ไม่คุ้มกับสิทธิร่างกายที่เสียไป
"เมื่อเช้าฟังตำรวจชั้นผู้ใหญ่บอกว่าปฏิบัติตามขั้นตอน อยากถามว่าขั้นตอนอะไรของคุณ ขั้นตอนที่คุณไม่ใช้ดุลพินิจหรือไง ส่งหมายเรียกผิดก็มี อย่างน้องณิชา ถ้าไม่เป็นข่าวก็ยาว เเบบนี้เขาถึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการสอบสวน จริงๆระบบมันดี เเต่เราทำไม่ครบ เอาเเต่สะดวก ลองคิดดูถ้าสอบสวนรอบคอบเเล้วพบว่าไม่ได้กระทำผิด คุณจะฝากขังน้องเขาต่อหรือไม่ คุณไม่ไปฝากขังครั้งที่2ต่อ ศาลก็ต้องปล่อย เรื่องก็จบ น.ส.ณิชาไม่ต้องไปรายงานตัวทุก 6 วันที่ศาลจังหวัดตาก เรื่องนี้ใครเป็นคนก่อก็ควรที่จะต้องเเก้ พนักงานสอบสวนต้องเเก้" นายปรเมศวร์ กล่าวตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี