18 ม.ค.61 นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่มีการเสนอข่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้ายุบโรงเรียนขนาดเล็กนั้น เกรงว่าประชาชนและเด็กจะเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอชี้แจงว่า กระทรวงศึกษาฯ และรัฐบาล มีความชัดเจนมากในการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก อาทิ การเพิ่มโอกาส และการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กในทุกพื้นที่ ได้มีโอกาศเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพในพื้นที่นั้น แต่มีปัญหาว่ามีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 30,000 กว่าโรง ซึ่ง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ หรือ 15,000 โรง เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีเด็กเรียนน้อยกว่า 120 คน/โรง และมีโรงเรียนที่มีเด็ก น้อยกว่า 40 คน และน้อยกว่า 20 คนลงมา มีประมาณ 1,000 โรง ที่อยู่ในเป้าของการควบรวมและการบริหารจัดการร่วมกัน
ทั้งนี้ เพื่อทำให้เด็กเหล่านี้ได้รับโอกาส โดยให้มีครูครบชั้น มีครูครบทุกสาขาวิชา หรือทำให้มีเด็กพอที่จะทำกิจกรรมร่วมกันได้ แต่พบว่าบางโรงเรียนมีเด็กเพียง 13 คน ไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้ ในเรื่องคุณภาพ จะต้องทำให้ทุกโรงเรียนในทุกพื้นที่มีคุณภาพ เพื่อไม่ให้เด็กไหลเข้ามาสู่ในเมือง ที่บางโรงเรียนมีเด็กมากถึง 4 - 5 พันคน ทั้งที่ต่างจังหวัดก็มีโรงเรียนจำนวนมาก แต่เด็กก็ยังไหลเข้ามาเรียนในเมือง ดังนั้น กระทรวงศึกษาฯ จึงได้มีโครงการโรงเรียนประชารัฐ โรงเรียนดีใกล้บ้าน และพัฒนาโรงเรียนไอซียู ให้เป็นโรงเรียนดีใกล้บ้าน เกิดขึ้น
"ก็มีโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่สามารถไปควบรวมได้ เช่น โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลกับโรงเรียนอื่น 6 กิโลเมตร เพราะคำนึงถึงการเดินทางของเด็ก และโรงเรียนในพื้นที่สูง อยู่ในหุบเขา อยู่ตามตะเข็บชายแดน เกาะ แก่ง ดังนั้น จะพิจารณาเรื่องการเพิ่มเติมคุณภาพให้ เช่น สนับสนุนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม การท็อปอัพงบประมาณให้ จัดการเพิ่มครูให้ ซึ่ง รมว.ศธ.ยังมองไปถึงเรื่องการเสริมขวัญกำลังใจสำหรับครูที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลตามประกาศของกระทรวงการคลัง ว่าพื้นที่ห่างไกล การคมนาคมไม่ดี อยู่ในพื้นที่มีโรคชุกชุม โดยจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อของบเพิ่มเพื่อเป็นสวัสดิการให้ครู ดังนั้น ศธ.ไม่ได้เดินหน้ายุบโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะจะทำให้เด็กไม่มีที่เรียน หรือทำให้เด็กด้อยโอกาสทางการศึกษาไป และก่อนจะยุบโรงเรียนส่ิงที่ต้องคำนึง คือ ความสมัครใจของคณะกรรมการสถานศึกษา ต้องรับฟังความคิดเห็นผู้ปกครอง แม้มีใครคัดค้านเพียงคนเดียวโรงเรียนก็ยุบไม่ได้" โฆษก ศธ.กล่าว
นอกจากนี้ ศธ.ยังคำนึงถึงประสิทธิภาพทางการศึกษา จะเห็นได้ว่าในแต่ละปีใช้งบประมาณด้านการศึกษาสูงมาก เนื่องจากมีโรงเรียนขนาดเล็กกระจายอยู่ตามหย่อมบ้านต่างๆ ถ้าเด็กเดินเท้าก็จะเดินทางไกล แต่ปัจจุบันการคมนาคมสะดวกแล้ว ดังนั้น หากเด็กสามารถเดินทางข้ามจากหย่อมบ้านเล็กไปหย่อมบ้านใหญ่ เดินทางไกลอีกเล็กน้อย โดยที่ สพฐ.จัดปัจจัยพื้นฐานให้เด็กเพื่อเป็นค่าเดินทางไปเรียนใน โรงเรียนประชารัฐ โรงเรียนแม่เหล็ก โรงเรียนดีใกล้บ้าน ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม เด็กมีเพื่อนใหม่ มีครูครบชั้น มีสื่อการเรียนครบ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เด็กก็ดีใจ ส่วนกรณีโรงเรียนขนาดเล็กและอยู่ไม่ไกลกัน แต่อยู่คนละฝั่งถนนใหญ่ ศธ.ก็คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กในการเดินข้ามถนน ก็จะไม่ยุบรวม
"ขณะนี้รัฐมนตรีห่วงใยโรงเรียนในพื้นที่ต่างๆ วันก่อนก็ส่งทีมงานลงไปดูโรงเรียนในเกาะ แก่ง พื้นที่ จ.สตูล เพื่อดูความพร้อมเรื่องไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต สิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอน ดูการเดินทางของครูว่ามีความยากลำบากหรือไม่ เพื่อนำไปเสริมให้ ส่วนที่พบว่ามีการยุบโรงเรียนนั้น ก็เป็นโรงเรียนที่ไม่มีเด็กมาเรียนแล้ว แต่เมื่อยุบแล้ว ส่วนท้องถิ่นก็สามารถมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น ทำเป็นศูนย์การเรียนของ กศน.เป็นศูนย์อินเตอร์เน็ตชุมชน เป็นศูนย์ฝึกอาชีพต่างๆ หรือเป็นศูนย์พัฒนาผู้สูงอายุในพื้นที่ได้ ต้องเข้าใจว่าขณะนี้ประเทศไทยขณะนี้มีโรงเรียนอยู่จำนวนมาก แต่เด็กมีจำนวนลดลงไปมาก ขณะที่โรงเรียนยังมีเท่าเดิม จึงทำให้เป็นการกระจายความไม่พร้อม ซึ่งโรงเรียนที่พร้อมก็จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่อยู่ในเมือง ฉะนั้น จึงต้องหาทางทำให้โรงเรียนในทุกพื้นที่มีความพร้อม ซึ่งทางศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) จะต้องเข้ามาช่วยประเมินความพร้อมด้วย เพื่อให้เด็กได้อยู่ในพื้นที่" นายพะโยม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี