ปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา โครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กล่าวถึงกันมากเห็นจะหนีไม่พ้น “โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท โดยให้ชุมชนเป็นผู้เสนอโครงการพัฒนาการเกษตรในด้านต่างๆ ตามความต้องการของชุมชน และต้องบริหารจัดการโครงการโดยคนของชุมชนเอง โดยรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท ทั้งนี้ในจำนวนเงินดังกล่าวจะต้องเป็นค่าจ้างแรงงานไม่ต่ำกว่า 50%
วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือกระตุ้นการใช้จ่ายของเกษตรกรในระดับฐานราก และช่วยส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรในชุมชนรวม 9,101 ชุมชน จำนวนเกษตรกรอย่างน้อยชุมชนละ 500 คน หมายถึงว่าเม็ดเงินจะกระจายลงสู่เกษตรกรโดยตรงมากกว่า 4.5 ล้านคน
ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากสำหรับโครงการนี้คือ การเร่งทำโครงการ ของบประมาณ และ ครม.ก็อนุมัติอย่างรวดเร็ว แถมยังมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เสร็จภายในระยะเวลาเพียง
1 เดือน ปั่นป่วนทั้งคนทำงานภาครัฐ และ คนรับเงินคือเกษตรกร ปัญหาที่ตามมาคือ การทุจริตที่เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการโดยรวมแล้ว นับว่ามีการทุจริตน้อยมาก เป็นการกล่าวหา และฟ้องร้องกันเสียมากกว่า
ที่พูดอย่างนี้เพราะ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ทำการประเมินผลโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อฯ นี้แล้ว สรุปว่า โครงการที่ชุมชนเสนอกว่า 2.4 หมื่นโครงการ ช่วยลดต้นทุนการผลิต ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน ช่วยพัฒนาการผลิต ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้เสริม สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชน
ก่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จากการซื้อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ก่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในภาพรวมกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท หรือกว่า 2 เท่า ของงบประมาณที่ใช้ กว่า 60% ของโครงการที่ชุมชนเสนอ มีกองทุนหมุนเวียนรวมแล้วกว่า 2 พันล้านบาท ทำให้มีทุนในการดำเนินการกิจกรรมเหล่านั้นต่อไปได้
สิ่งสำคัญคือ ชุมชนส่วนใหญ่มีความพอใจโครงการนี้ในระดับ “มากที่สุด”........
ความน่าเชื่อถือของการประเมินผลดังกล่าวมีมากน้อยเพียงไร คงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป หรือจะเปลี่ยนหน่วยงานประเมินผลเสียใหม่ ที่ไม่ใช่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรก็น่าจะดี....จะได้ไม่มีข้อครหาว่าลำเอียง.....
ในเมื่อโครงการนี้ดี และรัฐบาลโดยรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังมีแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากกับกลุ่มชนที่เป็นรากฐานของประเทศ คือเกษตรกรอีก โครงการนี้ต้องมา......
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กฤษฎา บุญราช จึงขานรับทำโครงการ 9102 แต่ใช้ชื่อใหม่ว่า โครงการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มที่ทำโครงการ 9101 เดิม เพิ่มเติมมาคือกลุ่มเกษตรกรทั่วไป
โครงการนี้เน้นไปที่การฝึกอบรม โดยเกษตรกรทั่วไปจะได้รับการอบรมในหลักสูตรพื้นฐาน ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะนำเสนอโครงการของชุมชน ชุมชนละไม่เกิน 2.5 ล้านบาท โดยต้องมีการเสนอแผนธุรกิจด้วย ส่วนกลุ่ม 9101 เดิม จะต้องฝึกอบรมหลักสูตรต่อยอดสำหรับกลุ่มที่ไม่มีทุน ส่วนกลุ่มที่มีทุนมีความพร้อม จะฝึกอบรมหลักสูตรประกอบการเชิงธุรกิจ
งานนี้ใช้งบประมาณกว่า 3.24 หมื่นล้านบาท เป็นงบประมาณในการฝึกอบรมประมาณ 9.3 พันล้านบาทงบสนับสนุนโครงการประมาณ 2.27 หมื่นล้านบาท และงบบริหารจัดการอีกกว่า 300 ล้านบาท
งานนี้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่คงพอมีเวลาตั้งตัว เพราะการฝึกอบรมเคยทำมาแล้วในปี 2559 โครงการ 9101 สุดด่วนก็ทำมาแล้วในปี 2560 โครงการ ในปี 2561 นี้จึงชิล ชิล......
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี