กสร.ส่งเจ้าหน้าที่ลุยทั่วประเทศทำความเข้าใจ ผู้ประกอบการ นายจ้าง ลูกจ้าง หลังไตรภาคีมีมติปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 5-22 บาท มีผล 1 เมษายน
เพื่อลดผลกระทบ
‘พณ.’นัดถกผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค 24 ม.ค.ขณะที่อดีต สส.ชาติไทยพัฒนาเรียกร้องรัฐคุมเข้มราคาสินค้า ชี้ขึ้น3%ไม่พอค่าครองชีพ
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังคณะกรรมกรรมค่าจ้างมีมติปรับค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 นั้น กสร.เตรียมความพร้อม โดยสั่งการให้พนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานทั่วประเทศเร่งลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ และเข้าไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ นายจ้าง และลูกจ้างเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างค่าจ้างตามอัตราที่ปรับเพิ่ม ตลอดจนชี้แจงเหตุผลการปรับค่าจ้างขั้นต่ำตามอัตราใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อทั้งลูกจ้างเก่าและลูกจ้างใหม่
อธิบดี กสร.กล่าวต่อว่า ช่วงก่อนที่ค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้ กสร.จะมุ่งเน้นสร้างความเข้าใจและชี้แจง รวมไปถึงรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โอกาสนายจ้างปรับตัว และเน้นการบริหารจัดการเพื่อช่วยให้นายจ้างและลูกจ้างอยู่ได้ หลังจากที่อัตราค่าจ้างดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว จะกำกับดูแลให้สถานประกอบกิจการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ กำหนดมาตรการควบคุมราคมสินค้า หลังคณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำระหว่าง 5-22บาท และเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ในสัปดาห์หน้า โดยให้มีผลบังคับใช้เดือนเมษายน 2561 การปรับค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าว ยอมรับว่าอาจไม่เพียงพอต่อการครองชีพของผู้ใช้แรงงาน เพราะเมื่อดูภาพรวมการขึ้นราคาทั่วประเทศพบว่าปรับขึ้นเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อมีข่าวปรับขึ้นค่าแรง แต่ราคาสินค้าปรับเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ระยะเวลาระหว่างรอให้มติมีผลบังคับใช้ ก่อนถึงเวลาปรับขึ้นค่าแรง อย่างน้อย 2 เดือน รัฐบาลควรมีกลไกไม่ให้สินค้าราคาปรับเพิ่มเกินความจำเป็น
ขณะที่นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า จากการประเมินผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้า หลังมีการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท พบว่าจะกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าไม่ถึงร้อยละ 1 จึงมองว่าไม่ควรมีผลทำให้มีการปรับขึ้นราคาสินค้า อย่างไรก็ตาม วันที่ 24 มกราคมนี้ กรมจะเชิญผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็กประมาณ 100 ราย หารือถึงต้นทุนราคาสินค้า หากผู้ประกอบการรายใดพบว่าการปรับขึ้นค่าแรงส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้า ก็สามารถชี้แจงได้ หลังจากนั้นกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จอีกครั้ง ทั้งนี้ กรมการค้าภายในกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องทำหนังสือแจ้งก่อนปรับขึ้นราคา หรือปรับลดปริมาณสินค้ามายังกรมการค้าภายในก่อนทุกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี