ไทยอากาศแปรปรวน
ภาคเหนือเริ่มหนาวจัด
อีสานหลายจว.ฝนตก
กทม.เร่งแก้ฝุ่นละออง
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศที่ยอดดอยอินทนนท์ ยังคงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส สูงสุดอยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส ที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน เกิดเหมยขาบ หรือน้ำค้างแข็ง ปรากฎการณ์ธรรมชาติอันสวยงามสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ส่วนที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อากาศหนาวเย็นตลอดวัน ท่ามกลางดอกไม้เมืองหนาวบานต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 3,000 คน
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานว่า ในช่วงนี้จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สภาพอากาศยังคงหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุด 4-15 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์นี้ จะมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 10-19 องศาเซลเซียส สูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ส่วนที่ จ.นครพนม อุณหภูมิลดลงอยู่ที่ 14 องศาเซลเซียส ชาวบ้านที่อยู่อาศัยติดริมแม่น้ำโขง ใน อ.ธาตุพนม อ.เมือง อ.ท่าอุเทน และ อ.บ้านแพง สภาพอากาศหนาวกว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งทหาร ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวบ้านและนำผ้าห่ม เครื่องกันหนาว ยารักษาโรค ไปแจจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว
ขณะที่ จ.บึงกาฬ ชาวบ้านกลับต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง โดยเฉพาะริมเขื่อนแม่น้ำโขง หน้าสำนักงานสาธารณสุข จ.บึงกาฬ ถึงหน้าโรงเรียนบึงกาฬใต้ ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ทำให้เกิดหาดทรายขาวทอดยาว สำนักงานประปาส่วนภูมิภาค อ.เมืองบึงกาฬ ย้ายสถานีสูบน้ำแห่งที่ 1 ไปยังแห่งที่ 2 เพื่อผลิตน้ำประปาไม่ให้กระทบกับประชาชน
อีกด้านหนึ่ง ที่ จ.ยโสธร พื้นที่ 9 อำเภอ มีฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพอากาศหนาวเย็นลงอย่างรวดเร็ว ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบ ผู้สูงอายุ และเด็กนักเรียนตามอำเภอรอบนอกต้องนำเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ เช่นเดียวกับที่ จ.สุรินทร์ ฝนตกตั้งแต่คืนวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้า ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆ ขณะที่สภาพอากาศเริ่มหนาวเย็น นักเรียนต้องสวมเสื้อกันหนาวและกันฝน ไปเรียน
ขณะเดียวกัน ในภาคใต้ โดยเฉพาะที่ จ.สงขลา เรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กในชุมชนเก้าเส้ง ออกหาปลาเป็นวันสุดท้าย เนื่องจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาฝั่งตะวันออก เตือนว่าตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมนี้คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยคาดว่าคลื่นลมแรงจะมีต่อเนื่องไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์
วันเดียวกัน นายสุทัศน์ วีสกุล ผอ.สถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร (สสนก.) เปิดเผยว่า ความกดอากาศสูงได้แผ่เข้ามาภายในประเทศไทย โดยจะเข้ามาอย่างเต็มที่ในวันที่ 31 มกราคมนี้ ทำให้ช่วงเช้ายังคงมีลมตระวันออกเฉียงใต้ พัดปกคลุมพื้นที่ กทม.และภาคกลาง ส่วนลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีฝนตก ตั้งแต่ จ.ยโสธร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ ไปถึง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นจุดที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ปะทะกับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อถามว่าอากาศหนาวและอากาศเย็นต่างกันอย่างไร นายสุทัศน์ กล่าวว่า อากาศเย็น คือ อากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 23 องศาเซลเซียส ส่วนอากาศหนาว คือ อากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 16 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์นั้น อุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ 17-18 องศาเซลเซียส เรียกว่าอากาศค่อนข้างหนาว สำหรับพื้นที่ กทม.ช่วงที่มีอากาศค่อนข้างหนาวนั้นจะมีลมพัดค่อนข้างแรง จึงทำให้รู้สึกหนาวสะท้านด้วย
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร ว่าจากที่พบค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนสูงเกิดค่ามาตรฐาน นั้น กทม.ขอยืนยันว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีค่า 52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานอยู่ 2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กมีแหล่งกำเนิดหลักจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบของระบบทางเดินหายใจ ดังนั้น ตนจึงสั่งการให้เร่งวางแผนแก้ปัญหาดังกล่าวให้สำเร็จ
“กทม.จะดำเนินการผ่าน 15 มาตรการลด และ 2 มาตรการเพิ่ม ได้แก่ 1.เข้มงวดตรวจควันพิษควันดำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง2.เข้มงวดตรวจวัดมลพิษรถราชการทุกคันในสังกัด กทม. 3.ตรวจสอบรถบรรทุกหรือรถขนย้ายวัสดุก่อสร้างที่วิ่งในถนนต้องมีผ้าใบปกคลุมให้มิดชิด 4.ประสานจัดการจราจรให้คล่องตัวป้องกันปัญหารถติดซึ่งจะส่งผลให้เกิดการมลพิษ 5.รณรงค์ไม่ขับช่วยดับเครื่อง
6.ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว 7.รณรงค์ให้หมั่นดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์ 8.ควบคุมให้บริเวณก่อสร้างทำรั้วทึบสูง 2 เมตร โดยรอบเพื่อป้องกันฝุ่นละออง 9.ควบคุมให้มีผ้าใบปกคลุมการก่อสร้างให้มิดชิด 10.กำชับให้มีการล้างล้อรถบรรทุกหรือรถอื่นๆ ก่อนออกจากสถานที่ก่อสร้างทุกครั้ง 11.ฉีดน้ำทำความสะอาดพื้นที่ก่อสร้างทุกวันและดูแลรักษาความสะอาดถนนทางเท้าและที่สาธารณะที่ติดกับบริเวณที่ก่อสร้าง
12.ห้ามก่อสร้างในยามวิกาลตั้งแต่เวลา 18.00 น.- 6.00 น.อย่างเด็ดขาด 13.ควบคุมดูแลไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท 14.ควบคุมดูแลกิจการคอนกรีตผสมเสร็จไม่ให้ปล่อยมลพิษหรือฝุ่นละออง 15.รณรงค์ให้ผู้ค้าปิ้งย่างริมบาทวิถีใช้เตารูปแบบเตาลดมลพิษ 16.เพิ่มการปลูกต้นไม้บริเวณริมถนนและเกาะกลางเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในการดูดซับมลพิษ 17.เพิ่มความถี่ในการล้างถนนและดูดฝุ่นถนนเพื่อทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ 50สำนักงานเขต จะเร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี