เปิดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้ชัด “ธรรมกาย” เข้าข่าย “รับของโจร-ฟอกเงิน” ระบุข้ออ้างนำเงิน “ศุภชัย-สาวก” ไปสร้างอภิมหาอาคารไม่ใช่กิจของสงฆ์ สั่งริบ 4 บัญชีเงินฝาก คืนเงิน 58 ล้านบาทให้สหกรณ์คลองจั่น ขณะที่ “ศุภชัย” ซวยหนัก ถูกสั่งชดใช้อีก 9,642 ล้านบาท จากคดีทุจริตเบิกจ่ายเช็คมิชอบ 878 รายการ
1 ก.พ.61 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวน 25,597,194.91 บาท , เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,257,934.88 บาท ชื่อบัญชี “วัดพระธรรมกาย” และเงินในบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาติ จำนวน 1,651,227.42 บาท กับเงินในบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำนวน 17,263,081.04 บาท ชื่อบัญชี “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์” หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
สหกรณ์คลองจั่นฯร้อง“ธรรมกาย”คืนเงิน
คดีนี้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานดำเนินการสหกรณ์ ฯ สั่งจ่ายเงินที่เป็นของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ได้มาจากการรับฝากเงิน สะสมหุ้น และดอกผลจากการประกอบธุรกิจของผู้คัดค้านที่ 1 เป็นเงินที่ได้มาโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นผู้คัดค้านที่ 1 จึงเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดของนายศุภชัย จึงขอให้เงินฝากในบัญชีดังกล่าวตกแก่ผู้คัดค้านที่ 1
วัดดังร้องค้านได้จาก“ศุภชัย”โดยสุจริต
ส่วนวัดพระธรรมกาย ผู้คัดค้านที่ 2 และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ผู้คัดค้านที่ 3 คัดค้านในทำนองเดียวกันว่า ไม่เคยทราบหรือเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ กับกิจการของผู้คัดค้านที่ 1 ผู้บริจาคและนายศุภชัยบริจาคให้ผู้คัดค้านที่ 2 และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายโดยสมัครใจ เปิดเผย และไม่ทราบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด ผู้คัดค้านที่ 2 รับเงินหรือเช็คจากพระราชภาวนาวิสุทธิ์โดยสุจริต และนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ใช้ในการกุศลสาธารณประโยชน์และสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อประโยชน์ทางพุทธศาสนาจนหมดสิ้น
ส่วนเงินที่เหลือในบัญชีล้วนเป็นของผู้บริจาคอื่น และไม่เคยร่วมกับนายศุภชัยกับพวกโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหาผลประโยชน์หรือกำไรทางเศรษฐกิจ มีประชาชนจำนวนมากเคารพศรัทธาต่อผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 จึงบริจาคทรัพย์สินบำรุงส่งเสริมและจรรโลงพุทธศาสนา เงินในบัญชีจึงเป็นเงินบริจาคที่ได้รับมาโดยสุจริต ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชี้“ธัมมชโย-ศุภชัย”สัมพันธ์แนบแน่น
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายศุภชัยสั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ ฯผู้คัดค้านที่ 1 จำนวน 27 ฉบับ เป็นเงินรวม 1,458,560,000 บาท เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน มีลักษณะเป็นปกติธุระ เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยักยอกเกิดขึ้นอันเป็นความผิดมูลฐาน และเมื่อมีความผิดมูลฐานเกิดขึ้น พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานตกเป็นของแผ่นดิน
นอกจากนี้ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ยังกระทำการอันมีลักษณะเป็นการหลีกเลี่ยงการรายงานการทำธุรกรรมเป็นระยะเวลาหลายปีหลายครั้ง ส่อแสดงให้เห็นว่ากระทำเพื่อปกปิดลักษณะที่แท้จริงของแหล่งที่มาของเงิน เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเกิดขึ้น ประกอบกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดผู้คัดค้านที่ 2 ได้แต่งตั้งในนายศุภชัยเป็นไวยาวัจกรของผู้คัดค้านที่ 2 เชื่อได้ว่าผู้คัดค้านที่ 2 เกี่ยวข้องกับนายศุภชัย และผู้คัดค้านที่ 3 เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัยโดยผ่านทางพระราชภาวนาวิสุทธิ์ พฤติการณ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลอุปถัมภ์ค้ำจุนกันเช่นว่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างกันที่มีมากกว่าเพียงการศรัทธาของบุคคลทั่วไป
ผุดอาคารใหญ่โตไม่ใช่กิจสงฆ์-ผิดฟอกเงิน
ทั้งนี้ ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ไม่มีหลักฐานความสำเร็จในการประกอบธุรกิจของ นายศุภชัย ที่เป็นรูปธรรมอันจะพิสูจน์ได้ว่านายศุภชัยบริจาคเงินเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับฐานานุรูป จึงฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 รับโอนเงินโดยสุจริตและตามสมควรในทางกุศลสาธารณะ
ส่วนที่ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 อ้างว่านำเงินไปใช้ในการกุศลสาธารณะนั้น เห็นว่าเงินในบัญชีดังกล่าวมีทั้งเงินที่ถูกยักยอก เงินที่ใช้ในการฟอกเงิน และเงินบริจาคจากผู้อื่นปะปนระคนกัน ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 จะอ้างไม่ได้ เพราะการใช้เงินดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากความไม่สุจริตตั้งแต่ต้น การก่อสร้างศาสนสถานและสถานปฏิบัติธรรมที่ใหญ่โตทั้งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เป็นเหตุให้ต้องมีกิจกรรมระดมเงินให้ได้จำนวนมาก เป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ที่ต้องการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมด้วยการมิให้สามารถนำเงินและทรัพย์สินดังกล่าวมาใช้สนับสนุนการกระทำผิดอื่นได้อีก
สั่งริบ4บัญชี-คืน58ล.ให้สหกรณ์ฯ
กรณีจึงต้องถือว่าเงินที่ยังคงเหลืออยู่ในบัญชีเงินฝากทั้ง 4 บัญชี เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้เสียหาย จึงมีอำนาจยื่นคำร้องคัดค้านมิให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินได้ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 49 วรรคท้าย ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ซึ่งเป็นการใช้สิทธิคนละส่วนกับคดีที่ผู้คัดค้านที่ 1 ฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336
ศาลจึงพิพากษาให้ผู้คัดค้าน คืนเงินในบัญชีเงินฝาก ธนาคาร ธนชาติฯ ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 3 จำนวน 1,651,227.42 บาท พร้อมดอกผล , บัญชีเงินฝาก ธนาคาร ธนชาติฯ ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 25,597,194.91 บาท พร้อมดอกผล , บัญชีเงินฝาก ธนาคาร กรุงไทย ฯชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 14,257,934.88 บาท พร้อมดอกผล และบัญชีเงินฝาก ธนาคาร กรุงไทยฯ ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 3 จำนวน 17,263,081.04 บาท พร้อมดอกผล รวม 58,775,437บาทเศษ คืนแก่สหกรณ์เครดิตฯ ผู้คัดค้านที่ 1 และให้ยกคำร้องของพนักงานอัยการ ผู้ร้องฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำพิพากษานี้ เป็นเพียงศาลชั้นต้น ซึ่งคู่ความสามารถยื่นอุทธรณ์ได้อีกภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย
สั่ง“ศุภชัย”คืนเงินสหกรณ์9พันล้าน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอ่านคําพิพากษา คดีที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จํากัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ กับพวก รวม 41 คน เป็นจําเลย เรื่องขอให้ใช้เงินคืน 9,522,533,049.50 บาท ซึ่งศาลแพ่งมีได้มีคําสั่งให้รวมการพิจารณาคดี หมายเลขดําที่ พ.3628/2557 และ พ.4462/2557 เข้าด้วยกัน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นพิพากษาให้นายศุภชัย จําเลยที่ 1 กับพวก ชําระเงินให้แก่โจทก์ จํานวน 9,642,164,453.61 บาท พร้อม ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.59 จนกว่าจะชําระเสร็จ (อ่านรายละเอียด : ศาลแพ่งสั่ง‘เสี่ยศุภชัย’คืนเงินสหกรณ์คลองจั่นฯ9พันล้าน)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี