โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นอีกหนึ่งโครงการของกรมชลประทาน ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทาน พิจารณาดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำ เพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเพาะปลูกให้กับราษฎรในพื้นที่อพยพ ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งทรงรับเป็นโครงการพระราชดำริ เมื่อปี พ.ศ. 2548
ทั้งนี้ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีฯ เป็นโครงการอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง พร้อมระบบส่งน้ำ ตัวเขื่อนจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 73.70 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างฯ เฉลี่ย 100.9 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และ อุปโภค-บริโภคของราษฎรในพื้นที่อพยพ ออกมาจากบริเวณพื้นที่น้ำท่วม ของอ่างเก็บนํ้าเขื่อนสิริกิติ์ ครอบคลุมพื้นที่ 9 ตำบล (ต.จริม, ต.หาดล้า, ต.ท่าปลา, ต.ร่วมจิต และ ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา, ต.วังดิน, ต.หาดงิ้ว, ต.บ้านด่าน และ ต.แสนตอ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ) รวม 60 หมู่บ้าน 6,856 ครอบครัวประชากร 24,510 คน
"คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 แผนงาน 8 ปี (ปี 2554-2561) ค่าก่อสร้าง 4,800 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายระยะเวลาเป็น 11 ปี (ปี 2554-2564) เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 วางแผนเร่งรัดงานก่อสร้างให้สามารถเก็บกักน้ำได้ในปี พ.ศ. 2562 งานก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมอุโมงค์ส่งน้ำ ดำเนินการไปแล้วประมาณร้อยละ 53 และ งานระบบท่อส่งน้ำและอาคารประกอบสัญญาที่ 1 ดำเนินการไปแล้วประมาณร้อยละ 13 และ มีแผนก่อสร้างท่อส่งน้ำสายซอยในปี 2561-2564 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งน้ำครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 53,500 ไร่"
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 ที่ห้องประชุมสำนักงานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ.กิ่วเคียน หมู่ 12 ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ นายชยันต์ เมืองสง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่(ผส.พญ.) กรมชลประทาน พร้อมด้วยนายวชิระ เอี่ยมละออ ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 ( ผสญ 12 ), นายจิตะพล รอดพลอย หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 (โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุตรดิตถ์ ) ร่วมประชุมกับราษฎรเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีฯ โดยมีนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.), นายนที บิณฑวิหค หัวหน้าโครงการฟื้นฟูสภาพป่าตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้แทนฝ่ายทหารจาก มทบ.35 "ค่ายพระยาพิชัยดาบหัก", กอ.รมน.จว.อุตรดิตถ์, ตำรวจ สภ.ท่าปลา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมชลประทานและราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างอ่างห้วยน้ำรี จำนวน 50 ราย ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบเรียบร้อย
โดยฝ่ายกลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบชาวท่าปลา นำโดย นายสังวาลย์ เต็มริน และ น.ส.จรัสรวี จันทร์แก้ว ได้อาสาเป็นตัวแทนเพื่อขออธิบายถึงผลกระทบ และ ความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่บางส่วนที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ หลังจากราษฎรกลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุตรดิตถ์ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้แทนองคมนตรี ณ พื้นที่ก่อสร้างเขื่อนหัวงาน โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ในคราวประชุมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่ภาคเหนือ ครั้งที่ 3 ประกอบด้วย จ.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และ จ.กำแพงเพชร มีรายละเอียดหนังสือของผู้ร้องขอให้ท่านองคมนตรีพิจารณาช่วยเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินทดแทนทรัพย์สิน เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ รวมถึงเคยไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการละเมิดสิทธิ ต่อคณะกรรมกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิชุมชน กรณีการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี จ.อุตรดิตถ์
ด้านนายชยันต์ เมืองสง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กล่าวว่า สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 ได้ร่วมประชุมกับราษฎรกลุ่มผู้ร้องเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ และเยียวยาให้กับราษฎรผู้ที่ได้รับผลกระทบและไม่ได้รับสิทธิ โดยที่ประชุมได้ข้อสรุป มีดังนี้
1. การตรวจสอบค่าทดแทนทรัพย์สินกรณีเปลี่ยนมือให้ทายาท และการจ่ายค่ารื้อย้าย (ค่าต้นไม้) ของราษฎรกลุ่มผู้ร้องซึ่งไม่ได้รับค่าทดแทนทรัพย์สิน ผู้แทนสำนักกฏหมาย กรมชลประทาน ได้เสนอความเห็นในที่ประชุมว่าเป็นประเด็นปัญหาที่สามารถ ดำเนินการได้ก่อน โดยจะมีหนังสือเสนอความเห็นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการพิจารณาสิทธิการ ได้รับค่าทดแทนทรัพย์สิน บริเวณหัวงาน และ อ่างเก็บน้ำของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุตรดิตถ์ ให้ตรวจสอบสิทธิของราษฎรกลุ่มผู้ร้องซึ่งไม่ได้รับค่าทดแทนทรัพย์สิน กรณีเปลี่ยนมือให้ทายาทและการจ่ายค่ารื้อย้าย (ค่าต้นไม้) เป็นรายแปลง
2. การทบทวนกำหนดวันให้สิทธิค่าทดแทนทรัพย์สินจากเดิมวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นวันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 และ การพิจารณาให้สิทธิการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพ หรือ ค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดิน แปลงอพยพ เป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 กรณีการจ่ายค่าทดแทนทรัพย์สินให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ และ คำสั่งกรมชลประทานที่ 457/2537 เรื่องกำหนดวันเริ่มดำเนินการโครงการก่อสร้าง ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2537 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรที่ดินแปลง อพยพ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพ ให้แก่ราษฎรที่ถูกเขตก่อสร้างโครงการ ซึ่งเป็นปัญหาที่กรมชลประทานไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้โดยตรง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น 2 ผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงมีความเห็นว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) จะมีหนังสือถึงกรมชลประทาน, หน่วยงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ฯ ต่อการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินให้แก่ราษฎร และคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหา ดังกล่าวต่อไป
3.การฟื้นฟูด้านส่งเสริมอาชีพแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการอ่างห้วยรี ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน พิจารณาดำเนินการและจัดสรรงบประมาณแผนงานด้านการส่งเสริม และพัฒนาการเกษตร และยกระดับคุณภาพชีวิต ตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIMP ) ของโครงการ ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ.2558 แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการฟื้นฟู พัฒนาและส่งเสริม อาชีพแก่ราษฎรให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ถึงตัวราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเป็นลำดับแรกและได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงมาโดยตลอด นายชยันต์ กล่าวทิ้งท้าย
กิตติพงษ์ ทุนเพิ่ม ทีมข่าวภูมิภาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี