"ศรีวราห์"ยันหลักฐานคลิปเสียงการเจรจาต่อรองให้ปล่อยตัว "ก๊วนเจ้าสัวเปรมชัย" หลังถูกจับกุมขณะเข้าไปล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นของจริง เตรียมส่ง ปปป.ตรวจสอบ ขณะที่หัวหน้าพญาเสือเผยเป็นเสียง "นายยงค์ โดดเครือ" ผู้ต้องหาร่วม ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับ "เสี่ยเปรมชัย" ด้าน "ฮีโร่วิเชียร" แฉพฤติกรรมกลุ่มบิ๊กอิตาเลียนไทยฯ ไม่ยำเกรงกฎหมาย ล่าสัตว์เพื่อความเท่ เผยขณะถูกจับเจ้าสัวพยายามแนะนำตัวเอง แต่ตนไม่สน ทำผิดต้องโดนจับ ลั่นคนทุ่งใหญ่มีศักดิ์ศรีไม่ต้องการเงิน "เปรมชัย" แม้แต่บาทเดียว
ความคืบหน้ากรณีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ พร้อมพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 ก.พ.61 ทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นำโดย พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส.ได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านทิศตะวันตก จ.กาญจนบุรี ที่ปฏิบัติงานในวันนั้นมาให้ข้อมูลเพื่อสอบถามขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เริ่มต้นว่านายเปรมชัย กรรณสูต เข้าไปในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรได้อย่างไร และขณะเข้าจับกุมทางเจ้าหน้าที่พบเห็นอะไรบ้าง โดยการสอบถามข้อมูลมีขึ้นในช่วงบ่าย โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เป็นประธาน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูตว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ไปแล้วว่าคดีนี้ให้ขยายผลให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าตำรวจไม่มีความกังวล แม้นายเปรมชัย จะเป็นนักธุรกิจใหญ่ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันหมด ส่วนจะขยายผลถึงใครบ้างนั้น เรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทราบดีว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มาสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในประเด็นการติดสินบนเจ้าพนักงานว่า ใครเป็นผู้ที่ติดสินบน ส่วนจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ต้องรอสอบปากคำเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ก่อน ขณะเดียวกันจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ด้วยว่าเพราะเหตุใดถึงปล่อยปละละเลยให้กลุ่มของนายเปรมชัย เข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้
ส่วนอาวุธปืน 43 กระบอกที่ยึดได้ในบ้านพักของนายเปรมชัย เป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องทุกกระบอกหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ เพราะบางกระบอกยังไม่ได้หลักฐาน อย่างไรก็ตาม เรื่องทะเบียนอาวุธปืนเป็นอำนาจของฝ่ายปกครอง ตนไม่สามารถก้าวล่วงได้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีนี้ยืนยันว่า ไม่มีอุปสรรคใดๆ แม้ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าใครเป็นผู้ที่ยิงสัตว์ แต่จากพยานหลักฐาน ขณะนี้ก็มีความชัดเจน ที่ผ่านมาตำรวจเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในคดี ทั้งดีเอ็นเอ เขม่าดินปืน เพียงพอที่จะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้แล้ว หลักฐานแค่นี้ก็ฟ้องได้แล้วเหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานว่าใครเป็นคนยิงสัตว์ ยืนยันว่า หลักฐานแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่จะไปเที่ยวเป็นที่สาธารณะ คุณเข้าไปไม่ขออนุญาตเจตนาก็ชัดเจนอยู่แล้ว ระเบียบห้ามไม่ให้นำอาวุธปืนเข้าไปคุณเอาเข้าไปก็ชัดเจน ยิ่งพบซากสัตว์อยู่ก็ชัดเจน ตำรวจไม่มีความกังวล ผบ.ตร.ก็กำชับให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันคดีนี้วิ่งเต้นไม่ได้
"สำหรับตัวของนายเปรมชัย ขณะนี้ยังอยู่ในประเทศ ไม่ได้หายตัวไปไหน ยังติดต่อได้ ส่วนจะมีออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวนเมื่อใด ตรงนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ"
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ปรากฏภาพหนังเสือโคร่งในห้องทำงานของนายเปรมชัย แชร์ในโซเชียลมีเดีย จากการเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้าตรวจค้นว่าไม่พบหนังเสือดังกล่าว แต่เท่าที่ทราบ ภาพถ่ายดังกล่าวถ่ายเมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว หากเจอหนังเสือ คดีก็ขาดอายุความไปนานแล้ว ต่อให้สารภาพก็ดำเนินคดีเขาไม่ได้ เพราะคดีขาดอายุความไปแล้ว
ส่วนเรื่องงาช้าง 2 คู่ที่พบในบ้านของนายเปรมชัย ในความเห็นตนไม่ใช่งาช้างไทย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จดทะเบียนไม่ได้ ขณะนี้ส่งตรวจดีเอ็นเอแล้ว เพื่อตรวจสอบว่า งาช้างดังกล่าวเป็นช้างไทยหรือช้างแอฟริกัน
ศรีวราห์ชี้ "คลิปเสียง" มัดแก๊ง "เปรมชัย"
เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพลฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ร่วมกันเปิดเผยความคืบหน้าหลังประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง หลังจากได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด มหาชน และพวก อันประกอบไปด้วย นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก นายจิตติ สวัสดิ์สาย นักวิชาการป่าไม้พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ 2 นายศุภกิต พรหมมี ตำแหน่งนักพิทักษ์ป่า และชุดจับกุมคนอื่นๆ มาสอบปากคำ เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดในวันจับกุม รวมทั้งข้อเท็จจริงเรื่องคลิปเสียงที่ปรากฏ
โดยนายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า คลิปเสียงการเจรจาระหว่างผู้ต้องหากับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จากการตรวจสอบและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ยืนยันว่าคลิปเสียงนั้นเป็นของจริง ซึ่งคนที่ทำการต่อรองคือนายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาร่วม ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับนายเปรมชัย ซึ่งฟังคลิปเสียงจับใจความได้ว่า มีความพยายามต่อรองกับเจ้าหน้าที่ โดยจะนำสิ่งของที่ต้องการมามอบให้เป็นการตอบแทน หากได้รับการปล่อยตัว และไม่ถูกดำเนินคดี อีกทั้งคลิปเสียงดังกล่าวจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากคลิปเสียงฉบับเต็มมีความยาวมาก โดยส่วนที่มีการนำออกมาเผยแพร่นั้นเป็นเพียงบางช่วงบางตอนเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้นำคลิปเสียงส่งให้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตรวจสอบ
นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าจะมีผู้ใหญ่ในกรมอุทยานฯ เข้ามาแทรกแซง วิ่งเต้นให้ผู้ต้องหาหลุดคดีว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ และผู้บังคับบัญชาระดับสูง มีการกำชับให้การดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการละเว้นผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน และไม่มีใครรอดพ้นการกระทำผิดได้ อีกทั้งพฤติกรรมนายเปรมชัย เชื่อได้ว่ามีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์อย่างแน่นอน เพราะมีการเตรียมอุปกรณ์พร้อม อาทิ อาวุธปืน เครื่องกระสุน อุปกรณ์ยังชีพ และวัตถุดิบสำหรับมักเนื้อสัตว์ ดังนั้นนายเปรมชัย จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์
"จากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งซากสัตว์ป่าและอาวุธปืนและของยึดได้ในที่เกิดเหตุ ทำให้เห็นว่านายเปรมชัย มีพฤติกรรมล่าสัตว์ป่าอย่างชัดเจน แม้ว่าจะอาจจะอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ แต่อาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุ 1 กระบอกเป็นของนายเปรมชัย ก็อาจจะเข้าข่ายว่าเป็นผู้สั่งการให้ลงมือ"
นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งมอบกับพนักงานสอบสวนอย่างครบถ้วน แต่หากพนักงานสอบสวนต้องการข้อมูลหลักฐานในส่วนใดก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายติดสินบนเจ้าหน้าที่นั้น แค่เริ่มพูดก็ถือว่าเข้าข่ายผิดแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตาม และรวบรวมข้อเท็จจริง ในส่วนของหลักฐานที่ระบุใครเป็นคนยิง ตอนนี้คือ ร่วมกันล่าสัตว์ป่า เท่ากับร่วมกันยิง มีหลักฐานหนังเสือกับเนื้อเสือมีรอยถูกยิง ตอนนี้หลักฐานที่ได้มาถือว่า สมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครเป็นผู้ยิง ซึ่งการนำปืนเข้าไปก็ถือว่าผิดแล้ว สำหรับกรณีทนายความนายเปรมชัย อ้างว่า พกปืนไปเพื่อป้องกันตัวจากเสือนั้น ในกฎของกระทรวงระบุชัดเจนว่า ห้ามนำอาวุธเข้าอย่างชัดเจน ซึ่งการนำอาวุธเข้าไปถือว่าผิดแล้ว อัตราโทษเท่ากันทั้ง 4 คน ตนเชื่อมั่นว่า สำนวนคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ และ บก.ปทส. ที่รับผิดชอบ ทำสำนวนส่งพนักงานอัยการ พนักงานอัยการต้องสั่งฟ้องให้เราแน่ เพราะตามหลักฐานที่มีอยู่ถือว่าสมบูรณ์ ประเด็นหลักคือ เอาอาวุธเข้าไปเพื่อล่าสัตว์ ซึ่งหลักฐาน คืออาวุธปืน และ เนื้อกับหนังสัตว์ที่พบ หัวกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในซากสัตว์
รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า คดีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะหลังจากอุทยานจับกุม ตำรวจก็รับเรื่อง และฝากขัง คัดค้านการประกันตัว วันรุ่งขึ้นก็ค้นบ้านและสถานที่ๆเกี่ยวข้อง วันนี้สอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือดี ส่วนเรื่องรูปหนังเสือในที่ทำงานของนายเปรมชัยที่ปรากฏในสังคมโซชียลนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วไม่พบ ซึ่งหากมีจริง คดีก็ขาดอายุความไปแล้วเพราะเป็นรูปเมื่อปี พ.ศ. 2534 ขณะที่ตัวของนายเปรมชัย เท่าที่ทราบช่วงเช้ายังอยู่ใน กทม. ซึ่งหากจะออกนอกประเทศก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ตนได้กำชับทาง สตม.ไว้แล้วว่า หากนายเปรมชัย จะออกนอกประเทศให้รีบแจ้งทันที เนื่องจากศาลไม่ได้ระบุห้ามออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเชิญนายเปรมชัย มาสอบปากคำ หากการสอบสวนมีพาดพิงถึง
"ฮีโรวิเชียร" แฉพิรุธแก๊งล่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่
นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ตะวันตก ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ถึงกรณีการจับกุมคณะของนายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกว่า หลังการจับกุมไม่มีตำรวจมาข่มขู่ และการมาทำงานตรงนี้ ถ้ามีการฟ้องกลับก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าทางกรมอุทยาน ทางกระทรวง มีนิติกร มีทีมงานที่พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษา และช่วยให้คำแนะนำในการต่อสู้คดี ทั้งนี้ ทางรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจตตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเสียใจ เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ต่อไปจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา โดยเฉพาะการเข้า-ออกให้มากยิ่งขึ้นหลายเท่า
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า การตรวจตราบางทีรถมาหลายคัน สัมภาระเต็มคันรถ ถ้าจะทำให้เหมือนสนามบินทำได้ยาก อันนี้คือจุดอ่อน ต่อไปจะช้าบ้าง จะโดนตำหนิบ้าง จะโดนความไม่พอใจบ้างก็ต้องยอม แต่ถ้าจะให้การทำงานรวดเร็วขึ้น จะต้องมีเครื่องมือในการตรวจที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องซีทีแสกน เข้ามาช่วยในส่วนนี้
ส่วนการประสานขอให้ช่วยอำนวยความสะดวก นายวิเชียร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ คนที่มาทุ่งใหญ่ฯ ไม่อยากใช้คำว่า วีไอพี เพียงแต่ว่าการเข้ามา คือทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันเหมือนประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มาอยู่นี่เดือนที่ 12 ยังไม่เคยเห็นกลุ่มของนายเปรมชัย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
"ถ้าจะมาล่าสัตว์ มันต้องแอบเข้าแอบทำ ซ่อนพรางตัวไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเจอ แต่กรณีนี้มาแบบเปิดเผย แสดงตัว ตั้งแคมป์พักแรม อยู่ที่จิตสำนึก มีอาวุธเข้ามามองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เหมือนชาวบ้านทั่วไป มันเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองมากกว่า ตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามา ยังไม่เคยเห็นรูปแบบที่ค่อนข้างจะครบถ้วนแบบนี้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็กน้อยเป็นชาวบ้านมาล่าสัตว์ เพื่อการยังชีพ ไม่ได้มาล่าเพื่อความสนุกความเท่ สนองกิเลสของตัวเอง" นายวิเชียรกล่าว
ลั่นคนทุ่งใหญ่มีศักดิ์ศรีไม่ต้องการเงินเปรมชัย
นายวิเชียร กล่าถึงเหตุการณ์จับกุมกลุ่มของนายเปรมชัยว่า ถ้าวิเคราะห์คาดว่ามีเสียงปืนดังล่วงหน้าก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าเราอาจจะมาไม่ทัน พฤติการณ์ที่กำลังจะทำความผิดในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าถึงพื้้นที่แล้ว เราได้ตักเตือนและให้คำแนะนำ ให้นักท่องเที่ยวได้ประพฤติตัวถูกต้อง เพียงแต่ว่าอาจจะเพิกเฉย อาจจะดื้อรั้นเกิดขึ้น มันเลยนำไปสู่การพบอาวุธต้องสงสัย ถ้าเขาเชื่อเราแต่แรกที่ไปแนะนำ เราจะไม่สามารถรู้เหตุการณ์นี้เลยว่า เขาจะมาล่าสัตว์
เมื่อเราตักเตือนและขอให้ย้าย เขาก็ขออยู่ที่เดิม ไม่ย้ายสถานที่พักแรม บอกว่ากลัวจะไม่ปลอดภัยการเดินทางในเวลากลางคืน แต่ว่าก็ยังกล้าที่จะพักแรมต่อในเวลากลางคืน ซึ่งอยู่ในป่าลึกเป็นที่น่าแปลกใจ แล้วไม่ใช่ที่ที่อนุญาตด้วย
"พอไม่ปฏิบัติตามปุ๊บ มีข้อสงสัยทำไมคุณซ่อนอะไรอยู่หรือเปล่า พอเจ้าหน้าที่ไปเดินหาเดินตรวจก็เจอ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทีละเปราะๆ จนนำไปสู่การตรวจค้นในที่สุด"
ส่วนกรณีที่มีคนมาเจรจา ขอให้เบาเรื่องผ่อนเรื่อง หรือว่ายอม นายวิเชียรกล่าวว่า มันเป็นปกติ เพียงแต่ว่าไม่ได้ตรงๆ เขาไม่ได้เสนอว่า จะต้องเป็นกี่บาทกี่อะไร เพียงแต่ว่าเป็นการพูดในเชิงหยั่งเชิงดูว่า เรามีท่าทีเอนเอียงไปทางเขาหรือไม่
ส่วนที่รู้ว่าเป็นนายเปรมชัยนั้น นายวิเชียรกล่าวว่า รู้ตอนเข้าไปจับกุมในที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ติดตามบอกว่าเป็นเจ้านายใหญ่ของบริษัท แต่ไม่ได้อ้างชื่อผู้ใหญ่คนไหนของทางกรม แค่อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้านายใหญ่ของทางทีมที่มาด้วย และนายเปรมชัยก็ได้แนะนำตัวเอง เขาไม่ได้อ้างว่าเป็นแขกวีไอพี เพียงแต่เป็นการสื่อให้เราทราบ ผมเป็นนี่ ทำงานที่นี่นะ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ แต่จะเป็นใครก็ช่าง ถ้ากระทำความผิดแล้วเราไม่ละเว้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลักฐานมั่นใจว่าไม่เกินฝีมือตำรวจไทย ไม่เกินฝีมือของป่าไม้ไทยแน่นอน
"ผมขอเรียนว่า คนทุ่งใหญ่ศักดิ์ศรี เรามีถึงแม้เราจะอยู่ในป่า เราไม่ได้ร่ำรวย แต่เราก็ไม่ได้ต้องการเงินจากคุณเปรมชัย แม้แต่บาทเดียว" หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่ฯ กล่าว
"บิ๊กตู่" สั่งห้ามตุกติกช่วยใครเด็ดขาด
วันเดียวกัน (8ก.พ.) เฟซบุ๊ก Gen.Prayut Chan-o-cha ซึ่งเป็นเพจที่ทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้จัดทำขึ้นเพื่อสื่อสารกับประชาชน ได้โพสต์ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งข้อความอยู่บนกลางภาพว่า "ทำคดีตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะผู้ถูกกล่าวหา ข้าราชการหรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง" พร้อมกับบรรยายภาพว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำเจ้าหน้าที่กรณีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบุรี "ตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด"
พิสูจน์แล้ว! เสือดำป่าทุ่งใหญ่ถูกยิง5นัด
ด้าน พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ในด้านคดีทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการเน้นย้ำให้ทำคดีตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจเก็บรายละเอียดต่างๆ จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ก.พ.เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปเก็บหาหลักฐานต่างๆ พยานวัตถุที่เกี่ยวข้อง อาทิ ดีเอ็นเอ,รอยนิ้วมือ,กระสุน,ปลอกกระสุนปืน และอาวุธปืนที่อาจจะแอบซุกซ้อนไว้โดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุอีก รวมทั้งสถานที่ที่ตั้งแคมป์เพื่อตรวจหาร่องรอยต่างๆ ที่สามารถนำมายืนยันการกระทำความผิดในคดีได้ เชื่อว่าคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์เป็นสำคัญเพื่อนำมาประกอบสำนวนในคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภาค 7 เบื้องต้นพบร่องรอยกระสุนปืนที่ซากไก่ฟ้าบริเวณลำตัว ส่วนซากเสือดำนั้นพบรูกระสุนที่บริเวณด้านหลังทะลุลำคอ และซากอื่นอีกส่วนหนึ่งไม่พบรอยกระสุน เพราะถูกชำแหละแล้ว ส่วนชนิดของกระสุนปืนที่ไก่ฟ้านั้น เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นชนิดลูกปราย ส่วนรูกระสุนที่พบในเสือดำยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบชนิดได้และเพื่อความชัดเจนจะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนตรวจวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง
มือดีบุกพ่นรูป"เสือดำ"ทับโลโก้อิตาเลียนฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 8 ก.พ. เฟซบุ๊ก “A CALL for Animal Rights Thailand” ได้เผยแพร่ภาพป้ายระบุชื่อ บริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับป้ายที่ถูกนำใช้ขึงแสดงอาณาเขตของไซด์งานก่อสร้างทั่วไป แต่ปรากฏว่าตรงบริเวณจุดกึ่งกลางของป้ายดังกล่าว ซึ่งตามปกติมักจะมีโลโก้ของบริษัทผู้รับผิดชอบไซด์งานอยู่ กลับถูกพ่นทับด้วยสีเป็นรูปเสือดำถูกยิงไว้ที่กลางหัว พร้อมกันนี้ยังปรากฏข้อความของผู้ที่ถ่ายภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ระบุว่า "ระหว่างทางเดินกลับจากหาหมอ ใครทำไว้ไม่รู้ รู้แต่ว่าสะเทือน"
ขณะที่เฟซบุ๊ก "A CALL for Animal Rights Thailand" ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “A CALL >> ประชาชนที่เห็นความเลวร้ายเริ่มไม่นิ่งเฉย แม้เป็นเพียงรูป ก็ปวดใจ ... ฆ่าเค้าทำไม ... ฆ่ามาเท่าไหร่แล้ว ความยุติธรรมจะมีจริงไหม และถึงมี มันแลกกับชีวิตพวกเค้าได้ไหม พวกเจ้าจะต้องไม่ตายฟรี ... JAIL NO BAIL"
เพื่อนบ้านแห่ให้กำลัง 'พ่อแม่ฮีไร่วิเชียร'
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านเลขที่ 27 บ้านลิ้นฟ้า หมู่ 10 ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายกรณ์ นางวงเดือน ชิณวงษ์ พ่อและแม่ของนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ที่จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอส บริษัท อิตาเลียนไทย พร้อมพวก ซึ่งเข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พ.ต.อ.กมลวรรธ สุกใส ผกก.สภ.ยางชุมน้อยและกำลังตำรวจ พร้อมด้วยนายสถิต กาหลง กำนันตำบลลิ้นฟ้า พร้อมเพื่อนบ้านกว่า 30 คนได้ไปเยี่ยมนายกรณ์ และนางวงเดือน เพื่อเป็นการให้กำลังใจ แต่ในขณะนั้นนายกรณ์ ไม่อยู่บ้านมีเพียงนางวงเดือนอยู่ที่บ้าน
พ.ต.อ.กมลวรรธ สุกใส ผกก.สภ.ยางชุมน้อย กล่าวว่า วันนี้ตนได้มาเยี่ยมพ่อและแม่ของนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หลังจากที่ทราบว่า นางวงเดือน แม่ของนายวิเชียร เป็นกังวลอย่างมาก หลังจากที่ทราบข่าวการจับกุมคนล่าสัตว์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกแล้วไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ แต่ล่าสุดนายวิเชียร ลูกชายได้โทรศัพท์กลับมาหาแม่แล้ว ทำให้แม่คลายความกังวลลง ซึ่งตนจะได้จัดกำลังตำรวจสายตรวจมาดูแลอยู่ที่บ้านนี้ เพื่อเป็นกำลังใจ สร้างความอบอุ่นใจแก่เจ้าของบ้าน
ด้านนางวงเดือน ชิณวงษ์ แม่ของนายวิเชียร กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวจากสื่อโทรทัศน์หลายสำนัก ตนรู้สึกกังวลใจ ยิ่งโทรศัพท์ติดต่อลูกไม่ได้ ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ ตอนนี้ลูกโทร.มาหาแล้วได้คุยกันแล้ว ก็คลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่อย่างไรก็ยังห่วงความปลอดภัยของลูก ห่วงความปลอดภัยของทุกคนทางบ้านด้วย
"อย่างไรก็ดี ขอให้ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือดูแลลูกชายของตน และขอให้ย้ายลูกกลับมาอยู่ทางภาคอีสานใกล้บ้านด้วย ซึ่งคาดว่าพื้นที่ทางภาคอีสานจะไม่มีอันตรายอะไร จะทำให้ลูกได้ทำงานอย่างมีความสุข และอยู่ใกล้บ้านใกล้พ่อแม่ด้วย" นางวงเดือน กล่าว
คนบันเทิงส่งกำลังใจถึง จนท.ทุ่งใหญ่
ขณะที่คนบันเทิงก็ไม่นิ่งนอนใจหลายคนได้ออกมาโพสต์ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่นเรศวร และออกมาต่อต้านการล่าสัตว์ป่าเป็นจำนวนมากลงในไอจีส่วนตัว โดยมีแฟนคลับต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและร่วมต่อต้านการล่าสัตว์ป่าเช่นเดียวกัน
ปธ.กลุ่มอนุรักษ์ฯจวก "โจรเรียกพี่"
นางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ กล่าวว่า หลังจากที่เราทราบข่าวต้องบอกเลยว่ารู้สึกช็อก นี่ถึง พ.ศ.นี้แล้วนายเปรมชัย ยังไม่มีความตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ป่าอีกหรือ อีกทั้งพื้นที่ที่นายเปรมชัย เข้าไปนั้นก็เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพื้นที่ดังกล่าวนั้นยังเป็นมรดกโลกอีกด้วย นายเปรมชัย เข้าไปฆ่าสัตว์ป่าในมรดกโลก ดังนั้น ความผิดของนายเปรมชัยต้องมากกว่าบุคคลธรรมดาหลายเท่า ซึ่งมรดกโลกทางธรรมชาติมันมีความยิ่งใหญ่มาก ซึ่งนายเปรมชัยเอง เป็นคนที่มีความรู้ เป็นคนมีเงินเป็นแสนๆล้าน แต่คุณกลับเข้าไปหาสัตว์ป่ากินในผืนป่ามรดกโลก
"ปกติเวลาเราเข้าไปในผืนป่ามรดกโลกแห่งนี้เราจะใช้คำว่าไปเยี่ยมป่า หรือไปเยี่ยมมรดกโลก และเราเคยเข้าไปมาแล้วหลายครั้ง แต่นี่คุณกลับตั้งใจเข้าไปในมรดกโลกเพื่อหาเนื้อสัตว์ป่ามากิน คุณต้องได้รับโทษที่รุนแรงและมากกว่าคนอื่นหลายเท่าคุณเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกพร้องของคุณด้วย เราจะบอกว่า ใครก็แล้วแต่ที่เป็นคนยิง นั่นคือปลายเหตุ แต่ต้นเหตุที่แท้จริงคือคุณตั้งใจนำอาวุธปืนเข้าไปยิงสัตว์ป่าในเขตมรดกโลก นี่หรือคนระดับ CEO ของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ"
นางภินันทน์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากมีข่าว ตนรับสายโทรศัพท์แทบไม่ไหว ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรี ที่โทร.เข้ามาและบอกว่านายเปรมชัย มาทำกับชาวจังหวัดกาญจนบุรีเช่นนี้ได้อย่างไร และทำกับสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเช่นนี้ได้อย่างไร นายเปรมชัย เองต้องเข้าใจเอาไว้ด้วยว่า คำว่ามรดกโลกนั้น มันไม่ได้เป็นโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเป็นมรดกโลกได้ มันได้มาจากการต่อสู้ของพวกเราคนเมืองกาญจน์
นอกจากนี้ ยังมีคนจากกรุงเทพฯ และคนไทยจากทั้งประเทศมาร่วมกับชาวจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อผลักดันให้ผืนป่าแห่งนี้ให้เป็นมรดกของโลกโดย เริ่มผลักดันกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 จนกระทั่งสำเร็จผืนป่าแห่งนี้ได้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2535
"คุณรู้หรือไม่ว่าเราต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคสมัยของเขื่อนน้ำโจน แต่คุณเป็นคนมีทรัพย์สินเงินทองเป็นแสนๆล้าน กลับมาบุกเข้าไปในมรดกโลกเพื่อต้องการเพียงแค่ยิงสัตว์ป่ามาเป็นอาหารเท่านั้น เชื่อว่าปัจจุบันนี้สัตว์ป่าประเภทเสือดำที่คุณยิงมันคงเหลืออีกจำนวนเพียงแค่น้อยนิด หรือเสือดำที่คุณยิงอาจจะเป็นเสือดำตัวสุดท้ายที่มีอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นคนระดับคุณจะต้องไม่มีการยกโทษหรือผ่อนผันโทษให้ เราอยากจะวิงวอนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องที่ดูแลคดีนี้ ต้องให้บทเรียนกับผู้รู้แต่ตั้งใจกระทำเช่นนี้ให้หนัก"
ส่วนกรณีที่นายปรมชัย ให้การปฏิเสธ นางภินันทน์ มองว่าถึงเขาจะปฏิเสธอย่างไร แต่ก็คงจะหนีความจริงไม่พ้น เพราะหลักฐานที่พบนั้นมีความชัดเจนมาก สำหรับการที่คุณเข้าไปฆ่าสัตว์ป่าในเขตมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็นเสือดำ หรือเก้ง หรือนก ก็ตาม การกระทำของคุณก็เท่ากับฆ่าชีวิตของคนๆหนึ่งเลยทีเดียวและถึงแม้จะปฏิเสธ แต่หลักฐานคืออาวุธปืนก็เป็นของคุณ อีกทั้งเสื้อที่คุณสวมใส่นั้นก็เป็นเสื้อที่ใส่สำหรับล่าสัตว์โดยเฉพาะ หลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดชัดเจนที่สุด สำหรับจิตใจของคุณเปรมชัยที่ได้กระทำลงไปครั้งนี้ถือว่าเหี้ยมโหดมาก หากเปรียบเทียบความเหี้ยมอย่างนี้ โจรยังต้องเรียกพี่
สำหรับการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนส่งถึงอัยการนั้น นางภินันทน์ กล่าวว่า ก็ขอให้ทำอย่างรัดกุมก็อยากฝากไปถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ช่วยสั่งกำชับเพื่อความมั่นใจ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก็อยากจะยกตัวอย่างการทำหน้าที่ของตำรวจที่เราเคยเห็นมา คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช และ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ที่เคยทำคดีดังๆ มาหลายคดี ซึ่งท่านชอบพูดเสมอว่า ได้ทำสำนวนคดีเอาไว้แน่นหนามาก เชื่อได้เลยผู้ต้องหาดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทั้งสองท่านนี้กล่าวเอาไว้ทุกครั้ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่ทำสำนวนคดี ทำยังไงก็ได้ให้สำนวนแน่นหนา และอย่าให้คนกระทำผิดในคดีนี้ดิ้นหลุด
"แต่ก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้กับนายวิเชียร ชิณวงษ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์และเข้มแข็ง และขอให้คุณรักษาความดีงามของคุณตลอดไป เพราะเมื่อยังมีคนอย่างพวกคุณอยู่ในขณะนี้ อนาคตจะทำให้เจ้าหน้าที่คนรุ่นหลังนำไปเป็นตัวอย่างและทำตามด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อไป" นางภินันทน์ กล่าว
"บอร์ดคุ้มครองสัตว์ป่า"ตั้งชุด ฉก.รวมเอาผิด
นายศศิน เฉลิมลาภ อดีตเลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก "ศศิน เฉลิมลาภ" ว่า ในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า กำลังประชุมเรื่องการเตรียมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ต่อศาล เพื่อเอาผิดกับคณะของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จากกรณีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กระทั่งถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายศศิน เปิดเผยด้วยว่า จากการหารือในเบื้องต้น คณะกรรมการมีท่าทีตรงกันว่า คดีนี้จะต้องติดตามตรวจสอบให้เต็มที่ มีคณะทำงานพิเศษติดตามให้เอาผิดผู้กระทำผิด พร้อมทั้งเสนอให้เพิ่มความระมัดระวังในการอนุญาตให้เข้าพื้นที่ และเพิ่มมาตรการลาดตระเวนเชิงคุณภาพขยายผลทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี