รอง ผบก.ปทส.เตรียมออกหมายเรียก "นพดล" มาเปิดปาก 16 ก.พ.ฮึ่มหากยังเงียบเจอหมายจับ เช่นเดียวกับ ตร.กาญจน์เตรียมเรียก "ก๊วนเปรมชัย" มาให้ปากคำสัปดาห์หน้าแต่ยังอุบสถานที่ ด้าน "มทภ.1" สั่ง ผบ.พล.ร.9 ส่งกำลังทหารดูแลความปลอดภัย "วิเชียร ชิณวงษ์" ฮีโร่มือปราบแก๊งถลกหนังสือดำ พร้อมส่งทหารคุ้ยหาถุงดำที่ "ก๊วนเจ้าสัวเปรมชัย" ใส่ซากสัตว์แล้วนำไปทิ้งในกองขยะ
ความคืบหน้ากรณีนายวิเชียร ชินวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยเดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คนประกอบด้วยนายยงค์ โดดเครือ นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ ที่ลักลอบตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในจุดต้องห้าม ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ และยังพบซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เนื้อเก้ง ปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมากจนกลายเป็นประเด็นร้อนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์ในวงกว้าง
ล่าสุด วันนี้ (10 ก.พ.61) พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รอง ผบก.ปทส.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถสอบปากคำพยานที่จำเป็นได้เกือบหมดสิ้นแล้ว โดยหลังจากนี้หากเห็นว่าจะต้องสอบปากคำใครเพิ่มเติม พนักงานสอบสวน บช.ภ.7 จะเป็นผู้พิจารณาเรียกสอบภายหลัง
ส่วนการติดต่อประสานงานเพื่อให้นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ตามที่มีการพาดพิงว่าเป็นผู้โทรศัพท์ประสานมายัง น.ส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อขอให้อนุญาตคณะของ นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกทั้งหมด 4 คน เข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ก่อนถูกจับกุมนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อนายนพดล ได้
"ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายเรียกเพื่อเข้าสอบปากคำในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ แต่ถ้าหากนายนพดล ยังไม่มาก็จะพิจารณาออกหมายเรียกรอบสอง ก่อนพิจารณาออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป แต่ทั้งนี้ เชื่อว่านายนพดล อาจติดต่อกลับมาในเร็ววันนี้ และอาจมาพบพนักงานสอบสวน ก่อนถึงกำหนดนัดตามหมายเรียก" พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าว
ตร.ขึงขังเรียกก๊วน'เจ้าสัว' สอบปากคำ
ด้าน พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมธ รอง ผบก.กาญจนบุรี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ส่วนการสอบปากคำเจ้่าหน้าที่อุทยานฯ นั้นได้มีการสอบปากคำไปแล้วตั้งแต่พฤหัสฯ และวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมทั้งได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ไปสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กทม.ด้วย ในส่วนของนายเปรมชัย กรรณสูตร และนายยงค์ โดดเครือ คนขับรถยนต์ นายธานี ทุมมาศ และนางนที เรียมแสน แม่ครัวนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการนัดหมายเพื่อที่จะสอบปากคำ ซึ่งน่าจะมีการนัดสอบปากคำได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่ก็ต้องประสานผ่านทางทนายความและก็ขึ้นอยู่กับว่าทางเขาจะสะดวกในวันไหน
ส่วนสถานที่การสอบปากคำของบุคคลทั้ง 4 นั้นขณะนี้ยังไม่มีการนัดหมายว่าจะสอบปากคำกันที่ไหน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความสะดวกด้วย ส่วนเรื่องเขม่าดินปืนรวมทั้งหลักฐานต่างๆ นั้นทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บวัตถุพยานจากเสื้อผ้า และตามร่างกายของผู้ต้องหาไปทั้งหมดแล้ว ยังคงเหลือเพียงแค่รอผลการพิสูจน์เท่านั้นว่าจะออกมาวันไหน
"แต่เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งสำนวนถึงอัยการให้เร็วที่สุด เพราะคดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐานอาจจะล่าช้าไปบ้าง เพราะต้องรอผลการพิสูจน์พยานวัตถุ เช่นผลพิสูจน์พยานของกลาง หรือพยานวัตถุอะไรบางอย่าง ซึ่งผลอาจจะออกมาช้าได้ แต่เราก็จะพยายามเร่งรัดให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายก็ได้เร่งรัดมาอยู่แล้ว"
ถามว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีกระแสสังคมค่อนข้างแรง เกรงว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ พ.ต.อ.พูนศักดิ์ กล่าวว่า ตอบได้เลยว่าไม่มี เพราะทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามหลักฐาน ซึ่งมันจะผิดจากข้อเท็จจริงไปไม่ได้ เพราะเมื่อพยานหลักฐานออกมาว่าอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของเรานั้นมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน วิเคราะห์พยานหลักฐาน รวมทั้งสอบปากคำพยาน และส่งความเห็นส่งให้กับอัยการ
"ในส่วนที่ขาดก็ขึ้นอยู่กับอัยการ อัยการจะตรวจสอบว่าพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่นั้นครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ หากพร้อมอัยการก็จะมีคำสั่งฟ้องไป หรือหากไม่ครบอาจจะส่งเรื่องกลับมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้หาพยานวัตถุ หรือสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม"
ตร.ยันไม่หนักใจ-ยึดกฎหมายเป็นหลัก
ถามว่ามีความหนักใจหรือไม่ที่เข้ามาทำคดีนี้ พ.ต.อ.พูนศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยหนักใจเลย เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับพื้นฐาน คือยึดเอากฎหมายเป็นหลัก เราทำตามกฎหมาย เพราะกฎหมายให้อำนาจให้ขอบเขตเท่าไหร่ เราก็ทำตามนั้น ที่ผ่านมาตั้งแต่เคยทำคดีทุกเรื่องราวไม่เคยหนักใจ ไม่เคยมีปัญหา และไม่เคยตกใจแม้แต่ครั้งเดียว เพราะว่าสิ่งแรกที่เราต้องยึดถือนั่นก็คือกฎหมาย
เมื่อถามอีกว่ามาทำคดีผู้บริหารระดับบิ๊กของบริษัทอิตาเลียนไทยหนักใจหรือไม่ พ.ต.อ.พูนศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำคดีเจ้าหน้าที่ของเราไม่ได้ยึดตามกระแส แต่เราทำตามหลักฐานที่มีอยู่ คือในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นศาลหรืออัยการ แม้กระทั่งพนักงานสอบสวน คือมันต้องแยกออกเป็นสองส่วนคือ 1.ส่วนบุคคล 2 ตำแหน่งหน้าที่การงานที่เราต้องทำ ในส่วนบุคคลก็คือมันก็ต้องมีการพูดคุยกันพูดเล่นแซวเล่นกันบ้าง มีการวิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง ซึ่งมันเป็นเป็นเรื่องปกติ
"แต่เมื่อมาสวมบทบาทเป็นพนักงานสอบสวนแล้ว เราก็ต้องทำตามหน้าที่กันไป ซึ่งก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องให้หนักใจ และถือว่าเป็นเรื่องปกติ สำหรับคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาดูแลคดีนี้มีด้วยกัน 5-6 คน โดยมีมีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ สำหรับอำนาจหน้าที่ตรงจุดนี้เขาให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเท่านั้น ยกเว้นหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอื่น ก็จะขอความร่วมมือกับหน่วยงานนั้นๆเข้ามาให้ความช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย"
ผบช.ภ.7นัดถกชุดสืบสวน 12 ก.พ.นี้
ทางด้าน พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) เปิดเผยว่า วันที่ 12 ก.พ.61 นี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีลักลอบล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จะนัดหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการสอบสวนว่ายังขาดตกบกพร่องในประเด็นใด หรือต้องสอบสวนพยานปากใดเพิ่มเติมอีก ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนไปดูแล และอาจต้องลงพื้นที่ไปดูสถานที่เกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง หากยังมีประเด็นที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนเรื่องพยานหลักฐานในคดีนี้ เนื่องจากมีจำนวนมากจึงจัดทำเป็นหมวดหมู่ และทยอยส่งกองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบแล้ว 80-90%
ส่วนกรณีกระแสข่าวลือเรื่องนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก ที่อาจเดินทางหลบหนีออกช่องทางธรรมชาติไปแล้วนั้น ได้ประสานให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองช่วยสังเกตข้อมูลการเดินทางไว้แล้ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่านายเปรมชัยกับพวก ยังไม่หลบหนี เพราะมีกำหนดต้องไปรายงานตัวกับศาลทุกๆ 12 วัน
มทภ.1สั่งจัดกำลังดูแลป่าทุ่งใหญ่-วิเชียร
ขณะที่ พล.ต.สนิธชนก สังขจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) กล่าวว่า พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) เข้าปฎิบัติภารกิจร่วมกับนายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เพื่อปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งปกติแล้วทางกรมป่าไม้และหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าก็ได้ประสานการปฎิบัติภารกิจกันมาโดยตลอด เพื่อบูรณาการร่วมกันในการรักษาผืนป่า ป้องปรามบุคคลที่เข้ามาทำลายป่า และดูแลผืนป่าไม่ให้ถูกทำลาย
พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 กองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.ร.29) ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ผบ.ฉก.ลาดหญ้า) กล่าวว่า จากข้อสั่งการดังกล่าวตนได้มอบหมาย พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง รอง ผบ.ร.29 ในฐานะรอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า รับผิดชอบกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นการให้การสนับสนุนและช่วยเหลือการปฏิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในการดูแลพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เพราะงานของทหารนอกจากภารกิจดูแลป้องกันชายแดนแล้วยังต้องป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกพื้นที่ รวมถึงการช่วยดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
"เพราะตอนนี้มีผู้กระทำความผิดมากขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เนื่องจากเป็นช่วงที่ไม่มีฝนตก และการเดินทางทางถนนมีความสะดวกมากขึ้นกว่าสมัยก่อนจึงเอื้อต่อการกระทำผิดกฎหมายได้"
คุ้ยหาถุงดำใส่ซากสัตว์มัดก๊วนเจ้าสัว
ต่อมา พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้นำกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ จำนวน 7 นาย โดยมี ร.ต.หาญชัย ตาคำ ผบ.หมวด ลว.ฉก.ลาดหญ้า ที่ 2 เป็นหัวหน้าทีม ไปอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก โดยเฉพาะนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ โดยให้ไปประจำจุดตรวจเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ (ทิหนวย) ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
นอกจากนี้ พ.อ.พิเชษฐ์ ยังสั่งการให้ ร.ต.หาญชัย นำกำลังไปสมทบกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เดินทางไปที่บ่อขยะของเทศบาลตำบลทองผาภูมิ พื้นที่หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ ที่มีพื้นกว่า 30 ไร่ เพื่อช่วยกันค้นหาถุงดำ ซึ่งถุงดำดังกล่าวคาดว่าอาจจะเป็นถุงใส่ซากสัตว์ป่าบางชนิดที่กลุ่มของนายเปรมชัย ซุกซ่อนเอาไว้
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่นำถุงดำออกมาจากจุดเกิดเหตุและวางเอาไว้ที่ สภ.ทองผาภูมิ ต่อมาถุงดำได้หายไปจำนวนหนึ่ง และมาทราบภายหลังว่ามีผู้มาเก็บขยะและได้นำไปทิ้งที่บ่อขยะดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันค้นหาอยู่นานพอสมควรจนกระทั่งพบถุงดำต้องสงสัย จำนวน 4 ถุงเจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้ เพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 นำไปตรวจหารอยนิ้วมือแฝง เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนในคดีต่อไป
'ทูลกระหม่อมฯ' ทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
วันเดียวกัน ได้มีผู้เข้าไปสอบถามในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ข้อความว่า "ในฐานะข้าพระพุทธเจ้าเป็นเพียงประชาชน จะทำอะไรได้บ้างในกรณีเสือดำ ทูลกระหม่อม" ต่อมาทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ได้ทรงแสดงความคิดเห็นตอบกลับว่า "ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนไม่ให้โดนรังแก พวกเราต้องช่วยกันปลุกจิตสำนึกว่าไม่มีใครมีสิทธิเหนือคนอื่น อย่าลืมว่าประเทศนี้เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง"
"เสรี"ลั่น! อาสาเป็นทนายให้ 'วิเชียร'
นายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เสรี สุวรรณภานนท์ ประกาศอาสาเป็นทนายให้นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก หลังนำคณะเข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คนจนตนเองอาจมีความผิดกรณีไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานฯ 110 บาท จากคณะนายเปรมชัย
โดยนายเสรี ระบุว่า "นายวิเชียร" เพิ่งจับคนร้ายได้ จะกลายเป็น คนร้ายเองไปเสียแล้ว
ผมติดตามข่าว ของนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยระบุว่า นายวิเชียรให้การว่า ไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ 110 บาท ซึ่งเป็นค่าเข้าคนละ 20 บาทและค่านำรถเข้าพื้นที่ 30 บาทจริง จึงต้องรายงานให้กรมอุทยานฯ พิจารณาดำเนินการ ซึ่งสามารถดำเนินการเอาผิดได้ทั้งทางวินัยและอาญา หากมีการร้องทุกข์ก็จะต้องก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผมดูมันเปล่งๆ ยังไงชอบกล ก็นายวิเชียรฯ เพิ่งจับคนร้ายได้ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมกลับกลายเป็นผู้ร้ายเสียเอง แม้ว่านายวิเชียรฯจะรับสารภาพว่าไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติจริง ก็ต้องพิจารณาดูว่า มีผู้บังคับบัญชาหัวหน้าที่มีตำแหน่งสูงกว่า ที่สั่งการมาว่า “มีแขก วีไอพี เข้าพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่แถวนั้น ดูแลอำนวยความสะดวกแก่แขกวีไดพีด้วย"
และเมื่อมีคำสั่งแบบนี้ ก็แสดงว่าการไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ไม่ได้เกิดจากการอนุญาตหรือไม่อนุญาตของนายวิเชียรฯ แต่เป็นคำสั่งที่อยู่เหนือกว่า ดังนั้น แสดงว่านายวิเชียรฯ ไม่มีเจตนากระทำความผิด การจะกล่าวหาว่าผู้ใดกระทำความผิดก็ต้องมีองค์ประกอบความผิดว่าผู้กระทำมี "เจตนา" กระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญทางกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 และก็ไม่ผิดทางวินัยด้วย เพราะมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งสูงกว่าสั่งการ
หากนายวิเชียรฯถูกดำเนินคดี ผมในฐานะเป็นทนายความขออาสาเป็นทนายความให้ จะได้พิสูจน์กันว่าคนสั่งการเป็นใคร ที่จะต้องรับผิดตัวจริง การสอบสวนควรสอบสวนข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ โดยสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏว่าใครเป็นผู้สั่งการ อย่าเบี่ยงเบนประเด็น อย่าทำคดีแบบแก้เกี้ยวตัดตอนลักษณะเช่นนี้ เพราะมันจะทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ การสืบสวนสอบสวนแบบนี้แหละที่ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน ชาวบ้านเขาจึงเรียกร้องต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี