วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แม้จะเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้ว กรณีการจับกุมกลุ่ม “พรานบรรดาศักดิ์” ของคนระดับเจ้าสัวแสนล้านอย่างนายเปรมชัยกรรณสูต ประธานบริหารและกก.ผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด(มหาชน) แต่คงยังไม่ช้าเกินไปที่ผมจะขอเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ในการให้กำลังใจ“ฮีโร่”อย่างนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกและทีมเจ้าหน้าที่ซึ่งร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ด้วยความกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ
ซึ่งไม่เพียงสามัญชนคนไทยทั่วไปแทบทุกวงการเท่านั้น แม้กระทั่งคนระดับ“เจ้าฟ้า” อย่างทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ยังทรงแสดงออกถึงการให้กำลังใจตั้งแต่วันแรกๆของเหตุการณ์จับกุมสะท้านแผ่นดินไทยครั้งนี้ โดยใช้อินสตาเเกรมส่วนพระองค์โพสต์ว่า“สู้ สู้ คุณวิเชียร ชิณวงษ์”
และในเวลาต่อมายังได้โพสต์ตอบทางอินสตาแกรมที่มีผู้ทูลถามว่า“ในฐานะข้าพระพุทธเจ้าเป็นเพียงประชาชน จะทำอะไรได้บ้างในกรณีเสือดำ” (หมายถึงกรณีจับนายเปรมชัยกับพวกซึ่งมีของกลางสำคัญนอกจากอาวุธปืนล่าสัตว์ ก็คือซากสัตว์ป่าหลายชนิดโดยเฉพาะ“เสือดำ”ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายห้ามล่าอย่างเด็ดขาด)โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ตอบว่า“ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนไม่ให้โดนรังแก พวกเราต้องช่วยกันปลูกจิตสำนึกว่าไม่มีใครมีสิทธิเหนือคนอื่น อย่าลืมว่าประเทศนี้เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง”
“คีย์เวิร์ด”ที่ทรงโพสต์ตอบนี้ไม่เฉพาะเรื่องให้กำลังใจ แต่คำสำคัญคือ“ไม่ให้(เจ้าหน้าที่) โดนรังแก”และ“ปลูกจิตสำนึกว่าไม่มีใครมีสิทธิ์เหนือคนอื่น...ประเทศนี้เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง” เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนของสังคมต้องร่วมกันออกมาแสดงการปกป้อง“วิเชียร ชิณวงษ์”กับทีมจับกุม ซึ่งก็ได้เห็นภาพนี้กันคึกคักในเวลานี้ นับเป็นเรื่องดีงาม น่ายินดีอย่างยิ่ง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นักวิเคราะห์ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันว่า เป็นการสะท้อนอย่างสำคัญยิ่งถึงความตื่นตัวของประชาชนต่อการคุ้มครองสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ธรรมชาติมิให้ถูกทำลายหรือล่วงละเมิด โดยเฉพาะจากน้ำมือ“อภิสิทธิ์ชน”คนมีอิทธิพล ที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงยิ่งกว่าชนชั้นใดๆ
ความสำคัญของสัตว์ป่าโดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ใกล้“สูญพันธุ์”สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับป่า สัมพันธ์กับ“ห่วงโซ่อาหาร”และความสมดุลทางธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ทั่วโลกต่างก็มีความห่วงใยอย่างยิ่ง เพราะนับวันผลร้ายแรงที่เกิดจากการทำลายความสมดุลทางธรรมชาติ กำลังย้อนมาลงโทษมนุษยชาติเอง จากความปรวนแปรของสภาพดินฟ้าอากาศ ที่ทำให้เกิดมหันตภัยทางธรรมชาติยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
กรณีจับ“พรานบรรดาศักดิ์”ครั้งนี้ จึงต้องไม่ปล่อยให้การตายของเสือดำก็ดี ไก่ฟ้าหลังเทาก็ดี และสัตว์อื่นๆอีก ต้องจบลงไปง่ายๆ ในทางคดีต้องติดตามให้มีการลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุดให้จงได้(ซึ่งเป็นประเด็นที่คนไทยส่วนใหญ่ห่วงใยยิ่ง ด้วยเกรงจะเกิด“มวยล้ม”หรือหลบหนี“ลอยนวล”เหมือนหลายๆคดีของคนรวย คนมีอิทธิพลมีอำนาจทั้งหลายในช่วงที่ผ่านมา จนผู้คนเกิดความรู้สึกฝังใจว่า“คุกมีขังคนจนเท่านั้น”)
แต่คุณค่าที่สำคัญยิ่งกว่าคงไม่อยู่เฉพาะเรื่องคดีเท่านั้น จะต้องขยายผลเรื่องนี้เลี้ยงกระแสเพื่อ “ปลูกจิตสำนึก” อย่างถาวรให้กับประชาชน ตลอดจนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ได้มากที่สุดในการดูแลป้องกันการล่าสัตว์ป่า ตลอดจนการทำลายป่า ทำลายธรรมชาติต่อไป เช่นเรื่องแรกคือ การเสริมกำลังคุ้มครองสัตว์ป่าและดูแลรักษาป่า เพราะสิ่งที่สะท้อนจากปาก“วิเชียร ชิณวงษ์”เอง เฉพาะป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯที่เขาดูแลอยู่มีเนื้อที่มหาศาลถึง 1.4 ล้านไร่แต่ขาดทั้งกำลังคน,ขาดอุปกรณ์อย่างปืน และยังขาดองค์ความรู้ในการดูแลจัดการด้วยโดยมี 25 หน่วยคุ้มครองสัตว์ มีปืนหน่วยละ2-3 กระบอก บางกระบอกก็ยิงไม่ออกด้วยซ้ำขณะที่ป่าอื่นๆยิ่งขาดแคลนหนักกว่านี้ก็มี
เฉพาะหน้านี้ ทางกองทัพภาคที่ 1 นอกจากส่งทหารมาช่วยคุ้มครอง“วิเชียร ชิณวงษ์”แล้ว ยังประสานส่งทหารเข้าร่วมดูแลรักษาป่าและสัตว์ป่าด้วย นับเป็นเรื่องดีและควรจะต้องขยายผลให้เกิดความยั่งยืนต่อๆไป
การตายของ“เสือดำ”แห่งทุ่งใหญ่นเรศวรจากฝืมือพรานบรรดาศักดิ์ครั้งนี้ ผมจึงหวังอย่างยิ่งว่าจะ“ไม่สูญเปล่า” แต่ต้องเกิดคุณูปการต่อการคุ้มครองเสือตัวอื่นๆ ตลอดสัตว์ป่าทุกชนิด และป่าโดยรวมให้ได้มากที่สุด
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี