13 ก.พ. 2561 นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวในงานเสวนา "จาก 16 ถึง 61 คลี่ม่านเกมล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ เกมชีวิตอภิสิทธิ์ชน?" ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่าจากกรณีการจับกุมคณะบุคคลลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และ 1 ในผู้ต้องหาเป็นผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ทำให้คดีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากสังคมนั้น ตนมองว่ากฎหมายหรือขั้นตอนที่มีอยู่ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว และเสียงเรียกร้องจากสังคมที่ต้องการให้เพิ่มโทษนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เมื่อเทียบการเพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่
นายศศิน อธิบายว่า สิ่งที่ต้องผลักดันคือทำอย่างไรจะสามารถให้เจ้าหน้าที่สามารถลาดตระเวนเชิงคุณภาพ โดยปัจจุบันมี 2 พื้นที่นำร่องคือทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้ง ที่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินลาดตระเวนในป่าแล้วจะมีการเก็บข้อมูลทั้งชนิดสัตว์ป่าที่พบและร่องรอยภัยคุกคาม เช่น การสร้างห้างนั่ง วางกับดัก ก่อกองไฟ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีพรานเข้ามาลักลอบล่าสัตว์ เพื่อนำข้อมูลไปวางแผนหามาตรการดูแลในแต่ละพื้นที่ต่อไป
“เจ้าหน้าที่เดินสม่ำเสมอ เดินแล้วก็เก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ด้วย เช่นเจอเสือไหม เจอตัวอะไรอื่นๆ ไหม แต่ได้ข้อมูลมาก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหัวหน้าไม่เรียกประชุมทุกเดือนว่าเจออะไรบ้าง หรือประชุมแต่หัวหน้าไม่มีประสิทธิภาพ เช่นดูร่องรอยสัตว์ไม่เป็น หรือเจ้าหน้าที่รายงานภัยคุกคามมาก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร ต้องถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ 3-4 เรื่อง ถึงจะเรียกลาดตระเวนเชิงคุณภาพ” นายศศิน กล่าว
เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวต่อไปว่า วันนี้ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำลังพยายามขยายผลการเดินลาดตระเวนเชิงคุณภาพให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศ ซึ่งมูลนิธิก็พยายามระดมทุนจากผู้สนับสนุนต่างๆ มาช่วยอีกทางหนึ่ง แต่จะทำอย่างไรให้สามารถทำได้ในป่าทั้งประเทศ โดยย้ำว่านี่คือเรื่องที่สังคมต้องให้ความสนใจมากกว่าการตามหาว่าใครอนุญาตให้เข้าไปล่าสัตว์ จึงอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งด้านสวัสดิภาพ สวัสดิการและความรู้
“ปัญหาใหญ่ต้องเจาะให้ถูก ไม่ใช่ไปดูว่าใครอนุญาต แต่ต้องไปกดดันให้เกิดการลาดตระเวนเชิงคุณภาพในป่าทั่วทั้งประเทศไทย มันถึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด เรื่องเพิ่มโทษอะไรนี่กระจอกจิ๊บจ๊อย โทษวันนี้มันพอ คนรวยถ้าเขาจะล่าถึงเพิ่มโทษกว่านี้เขาก็ไม่กลัวเพราะเขาหวังว่าเคลียร์ได้ ให้เจ้าหน้าที่ไปเดินลาดตระเวนเพื่อป้องปรามผู้กระทำผิดนั่นคือเรื่องใหญ่ที่สุด แล้วให้หัวหน้าอุทยาน หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเอาหัวใจการลาดตระเวนมาจัดการพื้นที่ ไม่ใช่มัวแต่ไปบริการการท่องเที่ยว นี่คือเรื่องใหญ่ที่สื่อต้องขยายผล” นายศศิน กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี