26มีค.ต้องรายงานตัว
‘เปรมชัย’พร้อมพวก
จ่อยกเลิกโฉนด‘ภูเรือ’
ภาคประชาชนลงพื้นที่
“เปรมชัย” และพวก ผู้ต้องหาลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ต้องมารายงานตัวอีกครั้ง จนกว่าพนักงานสอบสวนจะยื่นขอฝากขังครั้งที่ 4 กำหนด 48 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มีนาคม ด้านผู้ว่าฯ เลย จ่อยกเลิกโฉนดที่ดินภูเรือ ขณะที่ภาคประชาชน สำรวจพื้นที่ พบเจ้าหน้าที่ทำงาน 2 มาตรฐาน
จากกรณี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน ถูกจับในคดีล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ต่อมา มีการขยายผล เข้าตรวจสอบที่ดิน “รังเย็นรีสอร์ท” ที่ตั้งอยู่ใน อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย เนื้อที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งมีชื่อ นายเปรมชัยเป็นเจ้าของ เพื่อตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งที่ดินผืนนี้อยู่ภายใต้ชื่อ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตามที่เป็นข่าวไปนั้น
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงการตรวจสอบรังเย็นรีสอร์ท ว่า อาจเข้าข่ายบุกรุกป่าถึง 6,000 ไร่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการบุกรุกตั้งแต่ปี 2533 และถูกเพิกถอนโฉนด เพราะศาลฎีกาพิพากษาว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ซึ่งในครั้งนั้น ทำให้นายอำเภอและเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินถูกดำเนินคดีไปหลายคน ทั้งนี้ นอกจากบริเวณรังเย็นรีสอร์ทในพื้นที่ใกล้เคียงกันก็พบที่ดินอีก 6 ไร่ จากจำนวน 600 ไร่ ที่ออกเอกสารสิทธิ์ไม่ถูกต้อง เพราะทับซ้อนแนวลาดชัน และอาจเข้าข่ายบุกรุกป่าอีกคดี
ส่วนความคืบหน้าคดีเข้าไปท่องเที่ยวและล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 กำหนด 12 วัน ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ อย่างไรก็ตาม นายเปรมชัย และพวก 4 คน ยังไม่ต้องมารายงานตัว เนื่องจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้จัดโครงการลดระยะเวลาในการมารายงานตัว ตั้งแต่ปี 2556 ดังนั้น นายเปรมชัยและพวก จะต้องมารายงานตัวอีกครั้ง จนกว่าพนักงานสอบสวนจะยื่นขอฝากขังครั้งที่ 4 กำหนด 48 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มีนาคม
ส่วนกรณีที่ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกป่าท้องที่ อ.ภูเรือ โดยคณะกรรมการ มีทั้งหมด 5 ฝ่าย มีปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่ดิน ป่าไม้ หาข้อเท็จจริง นั้น ขณะนี้ คณะกรรมการได้ลงตรวจสอบพื้นที่พบว่าการออกโฉนดที่มีการทับซ้อนกับแปลงที่มีการเพิกถอนไปในเนื้อที่ 6,215 ไร่ และทางบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ขอออกโฉนด จำนวน 6 ไร่ ซึ่งที่ดินที่ไม่ใช่ของตนเองมาออกโฉนด ที่ดินที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ในตอนนี้คณะกรรมการทำงานประสานกับป่าไม้ ไปตรวจนับว่า ต้นไม้มีเท่าไร สิ่งปลูกสร้างมียังไง และให้ทำแผนที่ออกมา เมื่อทำแผนที่ออกมาคาดว่า ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมว่า สิ่งที่พนักงานป่าไม้ตรวจนับและสิ่งปลูกสร้างจริงมันมีอยู่เท่าไร อยู่ในแผนที่เท่าไร แล้วมาเอามาใส่ในแผนที่ และคณะกรรมชุดนี้ ก็จะติดตามกับพนักงานสอบสวน ถ้าไม่ได้ข้อมูลก็จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยาน หลักฐาน เอกสาร เพื่อนำส่งพนักงานงานอัยการ
ส่วนในเรื่องออกโฉนดที่ดินทับซ้อน ที่ดินแปลงที่ถูกเพิกถอน คณะกรรมการได้สำรวจเบื้องต้นพบความจริงที่เชื่อได้ว่า ที่ดินใน 6 ไร่ที่มาออกโฉนดภายหลัง พบเป็นพื้นที่ที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ถ้าจริงต้องเสนอให้อธิบดีกรมที่ดินแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาการเพิกถอน อำนาจการถอดถอนโฉนดเป็นอำนาจของอธิบดีฯ
ส่วนในด้านกลุ่มรักษ์เมืองเลย และเครือข่ายภาคประชาชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย ร่วมกับ สมัชชาประชาชนภาคอีสานเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดยมีนายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ได้ออกสำรวจพื้นที่ที่ดินของตระกูล กรรณสูต พบมีการทำงานของเจ้าหน้าที่ 2 มาตรฐาน
นายคุ้มพงษ์ เปิดเผยว่า หลังจากทางกลุ่มได้ตรวจสอบพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีตรู้เห็นเป็นใจ ปล่อยปละละเลยทั้งๆ ที่มีคำสั่งออกมากว่า 10 ปีให้มีการเพิกถอน โดยหลักผู้ครอบครองต้องออกจากพื้นที่ และไม่จำเป็นด้วยซ้ำไปว่ามีคำสั่งให้ออก เพราะพื้นที่จริงๆ เป็นภูเขาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับ นส.3 หรือโฉนด เลยก็ได้การที่พื้นที่เป็นภูเขาจะออกโฉนดไม่ได้ อย่างล่าสุดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เราก็มีความคาดหวังที่มีหน่วยงานมาจับการบุกรุกป่า
“อย่างที่ของวัดธรรมกายซึ่งมีพื้นที่ติดกันในเขต อ.ภูเรือ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันที่ถูกเพิกถอนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นป่าพื้นเดียวกัน ป่าภูหมี ภูขี้นาค ในเขตภูเรือวโนทยาน เป็นพื้นที่ติดกันซึ่งมีชื่อเป็นทางการ ป่าภูเรือ ภูเปลือย ภูขี้เถ้า แต่ป่าภูหมี ภูขี้นาค เป็นภาษาถิ่น และกลางปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มาตรวจยึดที่ของธรรมกาย ที่ดินแปลงเดียวกันรั้วติดกัน แต่คิดจะเลือกจับและยึดอีกตรงหนึ่งและปล่อยไว้อีกตรงหนึ่ง ทั้งๆ ก็เป็นที่ดินที่ถูกเพิกถอนมา 20 ปีพร้อมกัน แต่เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและไม่ดำเนินการ มีแต่คิดปกป้องที่ดินของกลุ่มนายทุนใหญ่เท่านั้น” นายคุ้มพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี