สรุปสำนวนคดีหวย 30 ล้าน 19 ก.พ.นี้ ก่อนเสนอ ผบช.ก.พิจารณา แย้มอาจมีออกหมายจับมากกว่า 2 ราย ด้าน "ครูปรีชา" เชื่อหมายจับที่กองปราบฯ กำลังจะออกไม่ใช่ตนแน่ เผยยังไม่ได้เจอทั้ง "เจ้พัช" และ "เจ้บ้าบิ่น" หลังถูกสอบมาราธอนกว่า 17 ชม. มั่นใจรางวัลที่ 1 เป็นของตน ขณะที่ตัวละครคดีหวยโผล่อีก 2 ทั้ง "น้ำฟ้า"และ"ลุงอี๊ด" ประกาศจะขอช่วยครูปรีชา
วันนี้ (17 ก.พ.61) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาทระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี ซึ่งเป็นครูกรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจว่า ขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนได้ประชุมหาข้อสรุปได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงการรวบรวมคำพูดของพยานแต่ละคนที่สอบเพิ่มเท่านั้น โดยการสอบปากคำของตำรวจกองปราบปรามไม่ได้เป็นการเปรียบเทียบกับคำให้การที่ไปให้ปากคำที่ตำรวจภาค 7 แต่เป็นการสอบในลักษณะเชิงลึก อาทิ ห้วงเวลาที่เห็นเหตุการณ์ จุดที่พยานยืนอยู่ หรือแม้แต่ระยะของสายตาที่สามารถมองเห็นเลขรางวัลที่ 1 ได้ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ทำให้การประกอบสำนวนชัดขึ้น
"อาจจะมีการออกหมายจับมากกว่า 2 คน เพราะคดีนี้ร่วมกันทำหลายคน ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นขบวนการหรือไม่ แต่มีคนคอยสั่งการ โดยพนักงานสอบสวนมีข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ส่วนตำรวจที่ทำคดีก่อนหน้านี้อาจจะกันไว้เป็นพยานบางส่วน แต่จะมีความเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ทั้งนี้ คาดว่าพนักงานสอบสวนน่าจะรวบรวมสำนวนให้เสร็จวันนี้และในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ผมจะตรวจความเรียบร้อยก่อนเสนอให้กับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางพิจารณาต่อไป" พล.ต.ต.ชาญ กล่าว
มีรายงานว่า จากการที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี 4 นายที่เกี่ยวข้องกับคดีหวย 30 ล้านบาท ประกอบด้วยนายตำรวจยศ พ.ต.ท.-พ.ต.ต.-ร.ต.อ.-ด.ต. เบื้องต้นตำรวจที่ถูกสอบปากคำบางนายค่อนข้างมีอาการเครียด เพราะถูกซักถามอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีตำรวจนายใดยอมให้รายละเอียดการขอออกหมายจับผู้ที่กระทำผิดในข้อหาให้การเท็จฯ รวมถึงประเด็นที่ซักถามและผลการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ชุดสืบสวนสอบสวนจะต้องนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 18 ก.พ.นี้
บช.ก.เลื่อนประชุมสรุปคดีหวย30ล.เป็น19ก.พ.
ในเวลาต่อมา พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยว่า พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รอง ผบช.ก.) ได้ขอเลื่อนประชุมสรุปคดีดังกล่าว จากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ไปเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00 น. ซึ่งพนักงานสอบสวนจะมาประชุมเพื่อสรุปคดีและความคืบหน้าว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลที่1 เป็นของใครและมีใครบ้างที่จะถูกดำเนินคดี
คลิปใหม่โผล่"ครูปรีชา"ท้าส่งพิสูจน์
มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้พบหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมเป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งมีน้ำเสียงคล้ายกับคลิปก่อนหน้านี้ที่เป็นเสียงผู้ชายพูดว่าไม่ถูกรางวัลที่ 1 โดยคลิปเสียงที่พบเพิ่มเป็นเสียงฝ่ายชายพูดทำนองว่าไม่ว่าจะขายไปให้ใครก็แล้วแต่ ให้เอาลอตเตอรี่กลับมา แล้วมาแบ่งเงินกัน
ด้านนายปรีชา ใคร่ครวญ ซึ่งเป็นครูกรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ที่อ้างความเป็นเจ้าของหวยอลเวง 30 ล้านได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีคลิปเสียงชิ้นใหม่ว่า ได้ฟังแล้วก็ยังไม่ฟันธงว่าเป็นเสียงเรา แต่มีส่วนคล้าย ฝ่ายไหน ใครมีคลิปเสียงก็เอาไปให้ตำรวจพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เมื่อพิสูจน์แล้วก็เข้ากระบวนการศาล ระบบกฎหมายไทยเป็นระบบการกล่าวหา
"ฟังแล้วเราก็ว่ามีส่วนคล้าย แต่เดี๋ยวนี้แอปพลิเคชั่นทำอะไรได้เยอะ เราก็ว่าไม่ใช่ แต่ก็ต้องส่งไปพิสูจน์ก่อน" นายปรีชา กล่าว
'ครูปรีชา'ลั่นของจริงไม่ต้องวิตกกังวล
ส่วนความเคลื่อนไหวที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 ก.พ. 61) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่พักของ ครูปรีชา ใคร่ครวญ เลขที่ 143/22 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อครูปรีชาเห็นสื่อมวลชน จึงตะโกนบอกว่า วันนี้ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะต้องไปทำธุระส่วนตัว เมื่อพูดจบก็เดินเข้าบ้านทันที แต่สื่อมวลชนก็ยังคงปักหลักอยู่ที่หน้าบ้าน พร้อมกับพยายามพูดคุยกับครูปรีชา เพื่อขอสอบถามปัญหาต่างๆ เป็นเวลานานกว่า 30 นาที สุดท้ายครูปรีชา จึงยอมออกมาพบ พร้อมกับตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนว่า ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไร พักผ่อนตามสบาย มีความสุขตามวิถีของวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
นายปรีชา กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ประสานติดต่อที่จะเชิญตนไปให้ปากคำแต่อย่างใด ขณะเดียวกันตนก็ยังไม่เจอกับเจ๊บ้าบิ่นเลย หลังจากถูกสอบสวนนานหลายชั่วโมง ซึ่งต่างคนต่างก็ทำงานก็เลยไม่เจอกัน
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ครูปรีชา บอกว่า เรื่องนี้โดนสอบสวนจนเราเคยชินแล้ว แต่เราก็เดินตามหลักความจริง เพราะพยานทุกคนก็เห็นเหตุการณ์จริง เห็นครูซื้อลอตเตอรี่จริง เขาก็พูดตามความเป็นจริงของเขา ฉะนั้น สิ่งที่เป็นเรื่องจริงเราไม่ต้องวิตกกังวลอะไร
เมื่อถามว่ากรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่าเจ๊บ้าบิ่น ยอมรับสารภาพแล้วนั้น ครูปรีชา กล่าวว่า เห็นจากข่าวที่ออกมา แต่ก็ทราบทันทีว่า ไม่เป็นความจริง โดยเกิดจากเพจที่สร้างขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวเชิญชวนประชาชนหรือมอมเมาประชาชนไปในทางที่ผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานด้วยความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว จึงขอให้รอ อีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏ ยังไม่ต้องรีบเชื่อข่าวลือ
'ครูปรีชา'เชื่อ ป.ไม่ได้ออกหมายจับตน
เมื่อถามต่อว่าจากกรณีที่มีข่าวเจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดในคดีนี้แล้ว ครูปรีชา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้หวั่นวิตกกับหมายจับที่จะออกมา เพราะว่าความจริงคือความจริง ถ้าพยานหลักฐานเรามี ตอนนี้ทุกคนก็ต้องพิสูจน์ทรัพย์ของตนเอง โดยเฉพาะครูในฐานะเป็นผู้กล่าวหา ดังนั้น ก็ต้องพิสูจน์ทราบทรัพย์นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งตนมีหลักฐานทั้งหมด ขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องพิสูจน์ทราบเช่นกัน แต่ทั้งนี้ไม่ได้คิดว่า 1 ใน 2 ที่จะถูกออกหมายจับจะเป็นตนเอง ตนไม่ขอพูดถึงว่าตนได้ลอตเตอรี่มาจากใคร เพราะทุกอย่างอยู่ในสำนวน อีกทั้งเรื่องได้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว หากพูดออกไปก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาอีก
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมครูจึงจำเลขได้ทั้งหมด และจำเรื่องราวได้ทุกอย่างเหมือน Story ครูปรีชา ตอบว่า ครูเป็นแฟนพันธุ์แท้ลอตเตอรี่ ซึ่งคนที่ซื้อลอตเตอรี่ประจำก็จะสามารถจำได้
สำหรับเลขดังกล่าวเป็นเลขมงคล ที่ครูสั่งซื้อ ซึ่งไม่มีขายในแผง โดยแม่ค้าได้เก็บไว้ที่กระเป๋าคาดเอว ดังนั้น เลขนี้จึงเป็นเลขที่ไม่มีวางขายบนแผง แล้วตรงจุดเกิดเหตุก็ไม่ได้มีแผงมากนัก ซึ่งเมื่อได้สั่งไว้แล้ว จึงเดินทางไปรับ
โดยขณะที่ไปรับลอตเตอรี่นั้นได้มีลูกค้าที่มาหาซื้อลอตเตอรี่คนอื่นๆ ทั้งที่ตนรู้จักและไม่รู้จัก ประมาณ 2-3 คน แต่ไม่ขอให้รายละเอียดว่า บุคคลดังกล่าวคือใคร โดยได้ยืนพูดคุยกันถึงเลขที่ตัวเองได้มาบริเวณหน้าแผงเจ๊บ้าบิ่น จากนั้น ตนจึงหยิบลอตเตอรี่ที่ซื้อออกมาให้ดู และได้มีการเอ่ยปากขอแบ่งลอตเตอรี่จากตน จึงเป็นที่มาของคำว่า ผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งในวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้พบกับ ร.ต.ท.จรูญ แต่อย่างใด
ระบุถ้าตนถูกจะมีคนมาขอโทษหรือไม่
ส่วนเรื่องของคลิปเสียงที่นำออกมาเผยแพร่ ตนไม่ขอฟันธงว่าเป็นเสียงของตน แต่ก็มีส่วนที่คล้าย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่เสียงตน ซึ่งหากใครมีพยานหลักฐานอะไร ก็ขอให้นำไปส่งให้กับตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปพิสูจน์ว่าเป็นคลิปเสียงจริงหรือปลอม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้สอบถามตนถึงกรณีคลิปเสียงดังกล่าว สำหรับประโยคที่มีการสนทนากัน ตนจำได้แม่นยำ แต่ยังไม่ขอตอบว่าใช่หรือไม่ใช่
สำหรับพยานที่ชื่อ กุ้ง นั้น เคยเห็นหน้าและพูดคุยกันมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร และมารู้ก็ตอนที่เป็นข่าวแล้ว ส่วน นายแผน ตนยืนยันว่าไม่รู้จักแต่อย่างใด ในส่วนของพยานของตนมีเพียง เจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัช และ นางปณัญชยา สุขผล หรือ เจ๊เกียว ผู้ค้าสลากรายใหญ่ของจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นพยานคนสำคัญของฝ่ายครูปรีชา
ทางพยานหลักฐานของเราได้ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ขอนำมาเปิดเผย ซึ่งตนจะไม่นำหลักฐานไปเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนโดยขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินเสียก่อน ซึ่งหากศาลตัดสินว่าตนเป็นฝ่ายถูก ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตนในโลกโซเชียลจะมาขอโทษตนบ้างหรือไม่ ทั้งๆ ที่ตนยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการศาลเลย แต่กลับตัดสินว่าตนผิดแล้วและขอให้จำไว้ว่ามนุษย์ต้องเป็นไปตามกรรม ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
"จนถึงขณะนี้ครูก็ไม่ได้รู้สึกเครียด เพราะครูยืนบนหลักความจริง ซึ่งหลักความจริงไม่ต้องสาบาน เพราะถึงอย่างไรก็จะต้องได้สาบานต่อศาลอยู่แล้ว แต่หลักความเชื่อต้องสาบาน เพื่อสร้างกระแสความเชื่อ และขณะนี้ครูก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทนายความส่วนตัวถึงกรณีที่หากเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปให้ปากคำเพราะของแท้ไม่ต้องเตรียมตัว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางทนายความของครูจะขอถอนตัว ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง" ครูปรีชา กล่าว
"ลุงอี๊ด"โผล่ประกาศจะขอช่วยครูปรีชา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเวลา 15.00 น. มีพ่อค้าขายของตลาดนัดทั่วไปรายหนึ่ง ส่งข้อความมาว่า "สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคนในเรื่องหวย ๓๐ ล้าน เพื่อนหลายคนเป็นห่วงผมเรื่องไปเป็นพยาน ผมตอบได้เลยว่ายัง แต่ถ้าเขาขอมาก็จะไป เหตุผลของผม คือ พูดแต่ความจริงคงไม่ให้ผมติดคุก สังคมไทยถ้าเห็นคนดีๆ เดือดร้อน เราต้องช่วยกันอย่าเพิ่งไปเชื่อสื่อมากนัก แล้วไปพิพากษา
ส่วนเรื่องนี้ผมไม่มีส่วนได้อะไรเลยกับครูปรีชา เพราะครูก็ไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักครูปรีชา..และลุงจรูญ.ส่วนคนเอาเรื่องไปเปรียบกับ…จอม?..คำว่าครูเราต้องให้ความเคารพเช่นกับเหมือนคำว่าพระ ถ้าทำผิดทำชั่วก็ไม่สมควรใช้คำว่าครูนำหน้ามัน..และไม่สมควรเอามันมาเปรียบเทียบกับ.คู่ปรับ..ครูปรีชา (ความจริงคือสิ่งที่ไม่ตาย) ถึงคนพูดจะตายก็ยอม สังคมไทยจะได้ดีขึ้นเมื่อเห็นคนดีโดนกระทำต้องให้ความช่วยเหลือ จาก…ลุงอี๊ด"
ก่อนหน้านี้ มีข่าว ลุงอี๊ด รู้เรื่องคนเก็บหวย แต่หลังกระแสเรื่องหวย 30 ล้าน รุนแรงหนัก ได้ประกาศ ไม่ขอยุ่งเรื่องนี้อีก แต่ล่าสุด มีการส่งข้อความเปลี่ยนใจดังกล่าวแล้ว ประกาศจะขอช่วยครู
"น้ำฟ้า"โผล่อ้างเป็นญาติสนิทครูปรีชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.60 ที่ผ่านมา ในวันที่แม่ค้าขายลอตเตอรี่ประมาณ 40-50 คน นำโดย นางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกียว รวมทั้ง นางเสาวลักษณ์ จิตธรรม นายวิทยา คัมภีร์สิริวุฒิกุล น.ส.พรรณวรรษ บูรพัฒน์พิโรดม แม่ค้าขายสลากจังหวัดสุพรรณบุรี และผู้ค้าสลากในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี รวมตัวเดินทางไปอวยพร พร้อมกล่าวให้กำลังใจการทำงานของ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เนื่องในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งในวันนั้น พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เดินทางไปปฏิบัติภารกิจติดตามความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต ในท้องที่อำเภอศรีสวัสดิ์ โดยมี พ.ต.อ.จรินทร์ วัฒนไพรสาณฑ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาทำหน้าที่แทน และนอกจากนี้ ยังมี พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ.ทศพล มีทรัพย์มาก รอง สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี ให้การต้อนรับกลุ่มแม่ค้าดังกล่าว
หลังจากกลุ่มแม่ค้าได้มอบกระเช้า พร้อมกล่าวให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเสร็จ ต่างก็ได้ทยอยกันเดินทางกลับทันที แต่มีหญิงสาวอยู่หนึ่งคน อายุหลัก 30 มาพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน และหญิงสาวคนดังกล่าวคือ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือน้ำฟ้า อ้างว่าเป็นญาติกับครูปรีชา พร้อมกับให้ข้อมูลว่า "เราคิดว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เราไม่สามารถที่จะพูดได้ โดยตนเองไปกับครูมาโดยตลอด ครูเองกดดันหนักมาก แต่พอเราได้อ่านสื่อจากฝั่งหนึ่งว่าเขาก็ถูกให้เซ็นรับเหมือนกัน"
น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือน้ำฟ้า กล่าวอีกว่า ขอบคุณความเป็นธรรมกับตำรวจ ที่เราคิดว่าทางฝ่ายครูปรีชา โดนอยู่คนเดียว ฝ่ายเราโดนทั้งที่ไม่ได้กินข้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจนี่กดดันมากเลยนะให้ครูยอมรับสารภาพ ครูโดนหลายที่มาก พาไปสอบสวนกลาง พาไปกองปราบ เราก็ไปด้วย ณ ตอนนั้นพวกเราเครียดมาก แต่สุดท้ายต้องขอบคุณขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในขณะนั้น เคยอคติ และคิดว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเปล่า แต่ก็ทราบว่าทางฝั่งลุงจรูญ ก็โดนเหมือนกัน มันเป็นกลยุทธ์ในการสอบสวนสืบสวน ดังนั้น ตำรวจเราก็ต้องให้กำลังใจเขา
เผยครูถูกกระทำหาว่าเป็นพวก18มงกุฎ
ขณะนี้ก็เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ทุกอย่างมีที่มาที่ไปทั้งหมด ด้านครูปรีชา ไม่หนักใจเลย ครูปรีชา เคยเล่าให้ฟังว่า การที่เจ้าหน้าที่เชิญเราไปไม่ว่าจะเป็นสอบสวนกลาง หรือกองปราบ ก็เล่าให้ฟังไปตามข้อเท็จจริงทุกครั้ง และไม่มีความหนักใจอะไรเลย แต่เพียงแค่ครูปรีชา ไม่เคยโดนกดดัน ไม่เคยพบกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ด้วยความที่ว่าแกเป็นคนธรรมะธัมโม และใจดี และไม่คิดเรื่องนี้จะโด่งดังขนาดนี้ ช่วงแรกก็เครียด ทุกคนเครียดหมดในบ้าน แต่ขณะนี้ก็ต้องขอบคุณสื่อที่ไม่ได้โจมตีครูปรีชา นำเสนอแบบเป็นกลางในบางฉบับ
โดยที่ผ่านมา เราก็โทร.คุยกันตลอด ครูก็บอกว่าโอเคไม่มีปัญหาแล้ว สู้กันไปตามกระบวนการของศาล ทำตามพยานหลักฐานที่เรามี ก็อยากให้สื่อให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมา ครอบครัวครูเครียดมาก โดนโจมตีว่าเป็นพวก 18 มงกุฎ รวมทั้งหาว่าทำกันเป็นขบวนการอีก ตกเป็นจำเลยของสังคม และตัวเองก็ไม่ได้ทำผิดก็อยากจะพูด ก็อยากจะบอกแก่ทุกคนว่า "ฉันไม่ได้ทำนะ" แต่กลับกลายเป็นว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือ ขณะนั้นถูกสื่อโจมตีหนักมาก พวกเราจึงเงียบ ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเราเป็นญาติสนิทกันมีการไปหาหาสู่คุยกันตลอด และวันที่ลอตเตอรี่หาย ตนเองรู้เรื่องช้าที่สุด ในขณะนั้นอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งที่จริงแล้วการถูกหวยของครูปรีชาเป็นเรื่องปกติเพราะถูกบ่อยครั้ง สี่แสนบ้าง ห้าแสนบ้าง ครั้งนี้เราไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้
มีรายงานว่าสำหรับ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสวนั้น เป็นชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ อายุ 36 ปี ไม่ได้เป็นญาติของครูปรีชาแต่อย่างใด แต่เป็นเพื่อนสนิทของ น.ส.เมตตา ใคร่ครวญ พี่สาวของครูปรีชา และครูปรีชาเคยให้การอุปการะเลี้ยงดูลูกสาวของ น.ส.กนกพรรณ ตั้งแต่เด็กจนโต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี