"อังคณา นีละไพจิตร" จี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ หลังมีข่าวผู้หญิงและเด็กสตรีถูกกระทำอนาจาร ข่มขืนจากข้าราชการระดับสูงหลายราย
วันนี้ (18 ก.พ.61) นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานกรรมการในคณะอนุกรรมการด้านสิทธิสตรีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวกับทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ถึงกระแสข่าวที่ในปัจจุบันมีการล่วงละเมิดทางเพศเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรีเกิดขึ้นหลายคดี เช่น ข่าวเด็กอายุ 13 ปีถูกเพื่อนของพ่อแม่ข่มขืน, ข้าราชการทหารข่มขืนเด็กอายุ 9 ปี กรณีอื้อฉาวผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ของโรงเรียนจนถึงถูกดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ล่าสุดก็มีข่าวนักธุรกิจสาวเข้าร้องเรียนต่อกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับข้าราชการระดับซี 9 ยศ พ.ต.ต. สังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ข่มขืนและมีพฤติการณ์ข่มขู่เรียกเงิน 2 ล้านบาท และขอมีเพศสัมพันธ์อีก หากไม่ยอมจะนำคลิปไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย
นางอังคณา กล่าวว่า กรณีการล่วงละเมิดทางเพศ หรือการเอาเปรียบทางเพศในปัจจุบันยังมีให้เห็นอยู่เนื่องๆ เช่น กรณีลูกจ้างที่เป็นแม่บ้านทำงานอยู่ และเจ้านายเข้ามาทางข้างหลังแล้วเอามือมาจับหน้าอก ซึ่งเรื่องนี้เป็นการทำเกินกว่าเหตุ ตนเคยทำข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ครม.มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานมีแนวทางปฏิบัติการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ปรากฏว่าหน่วยต่างๆ ไม่ทำตามอย่างจริงจัง และไม่นำไปปฏิบัติ การล่อลวงหรือเอาเปรียบเกี่ยวกับเพศสภาพบนโลกอินเตอร์เน็ตนั้น เป็นการทำให้ผู้ถูกกกระทำเสียชื่อเสียง อับอาย ต่อสาธารณะชน เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้ก็จะต้องรับผิดชอบจริงๆ สักที
"อยากให้รัฐบาลจริงจังกับเรื่องนี้ และเห็นเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ทัศนคติของคนในสังคมโดยมีการปกป้อง คุ้มครองผู้เสียหาย รวมถึงการคุ้มครองพยานด้วย เพราะบางกรณีมีการมาเยาะเย้ย คุกคาม ทำให้หวาดกลัว ส่วนประเด็นที่เกิดขึ้นในครอบครัวนั้นมี พ.ร.บ.ผู้ถูกกระทำในครอบครัวอยู่ แต่กฎหมายนี้เปิดให้มีการไกล่เกลี่ยได้ทุกขั้นตอน ซึ่งทำให้กระบวนการไปไม่ถึงการลงโทษได้ และอยากจะเสนอให้ถามความสมัครใจของผู้เสียหายก่อนเป็นอันดับแรก" นางอังคณา กล่าว
นางอังคณา กล่าวต่อว่า เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน หรือสตรี ผู้หญิงคือผู้เสียหาย และพวกเขาไม่ใช่คนผิด จึงขอให้มั่นใจที่จะออกมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนเข้ามายังกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาเรื่อยๆ เราเข้าใจว่ากว่าจะรวบรวมความกล้ามาร้องเรียนได้ ผู้หญิงต้องกลั่นกรองเป็นเวลานาน แต่หากมาร้องเรียนกับ กสม. เราจะปกปิดชื่อ ที่อยู่ ไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของผู้เสียหายเป็นหลัก
"ที่ผ่านมาผู้หญิงมักจะถูกทำให้ดูเหมือนเป็นคนผิดในสังคมทั้งที่ความเป็นจริงเป็นผู้เสียหาย ควรจะได้รับการคุ้มครอง ปกป้องจากสังคม แต่ทั้งนี้ผู้เสียหายกลับถูกทำให้อับอาย เนื่องจากสังคมมักตัดสินไปแล้วว่าคนที่ถูกกระทำอาจจะแต่งตัวยั่วยวน เชิญชวน จนถูกละเมิดทางเพศ" นางอังคณา กล่าวว่า
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ปัจจุบันการล่วงละเมิดทางเพศมีแนวโน้มว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นและอาจจะมีมากกว่าข่าวที่นำเสนอให้เห็นผ่านจอทีวี เว็บไซต์ และสื่ออื่นๆ เนื่องจากผู้ถูกกระทำอาย ไม่กล้าไปแจ้งความดำเนินคดี และบางครั้งคนที่กระทำก็เป็นคนในครอบครัว หรือแม้กระทั้งระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ สถานภาพเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้เลยด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังเกิดขึ้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ถือว่าเป็นภัยเงียบสำหรับ เด็ก เยาวชน และสตรี
ทั้งนี้ ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติได้เปิดเผยข้อมูลสถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวคดีข่มขืนและกระทำชำเรา ซึ่งในปี 2560 ยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ส่งข้อมูลล่าสุดมา ทางทีมแนวหน้าออนไลน์จึงนำเสนอข้อมูลที่รวบรวมไว้ในปี 2558 พบว่าทั่วประเทศมีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จำนวน 2,848 ราย และในปี 2559 พบการแจ้งสถิติลดลง เหลือ 2,259 ราย
สถิติปี 2559 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีผู้เข้าแจ้งความ จำนวน 160 ราย ภาคกลาง จำนวน 786 ราย ได้แก่ จ.สมุทรปราการ 51 ราย ,นนทบุรี 19 ราย ,ประทุมธานี 49 ราย พระนครศรีอยุธยา 37 ราย,อ่างทอง 9 ราย, ลพบุรี 35 ราย, สิงห์บุรี 9 ราย, ชัยนาท 11 ราย, สระบุรี 33 ราย, ชลบุรี 67 ราย, ระยอง 52 ราย, จันทบุรี 43 ราย, ตราด 12 ราย, ฉะเชิงเทรา 32 ราย, ปราจีนบุรี25 ราย, นครนายก 11 ราย, สระแก้ว 46 ราย, ราชบุรี 34 ราย, กาญจนบุรี 41 ราย, สุพรรณบุรี 42 ราย, นครปฐม 37 ราย, สมุทรสาคร 27 ราย, สมุทรสงคราม 8 ราย, เพชรบุรี34 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 22 ราย
ภาคเหนือ จำนวน 466 ราย ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 59 ราย, ลำพูน 10 ราย, ลำปาง 23 ราย, อุตรดิตถ์ 19 ราย, แพร่ 10 ราย, น่าน 13 ราย, พะเยา 13 ราย, เชียงราย 37 ราย, แม่ฮ่องสอน 11ราย, นครสวรรค์ 55 ราย, อุทัยธานี 17 ราย, กำแพงเพชร 26 ราย, ตราด 38 ราย, สุโขทัย 27 ราย, พิษณุโลก 49 ราย, พิจิตร 19 ราย, เพชรบูรณ์ 40 ราย
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 575 ราย ได้แก่ จ.นครราชสีมา 69 ราย, บุรีรัมย์ 41 ราย, ศรีสะเกษ 55 ราย, อุบลราชธานี 38 ราย, ยโสธร 14 ราย, ชัยภูมิ 25 ราย, อำนาจเจริญ10 ราย, บึงกาฬ 8 ราย, หนองบัวลำภู 10 ราย, ขอนแก่น 43 ราย, อุดรธานี 18 ราย, เลย 10 ราย, หนองคาย 10 ราย, มหาสารคาม 25 ราย, ร้อยเอ็ด 37 ราย, กาฬสินธ์ 19 ราย,สกลนคร 32 ราย, นครพนม 11 ราย, มุกดาหาร 12 ราย
และภาคใต้ จำนวน 271 ราย ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช 28 ราย, กระบี่ 16 ราย, พังงา 10 ราย, ภูเก็ต 10 ราย, สุราษฎร์ธานี 46 ราย, ระนอง 12 ราย, ชุมพร 18 ราย, สงขลา 50 ราย,สตูล 4 ราย, ตรัง 23 ราย, พัทลุง 12 ราย, ปัตตานี 12 ราย, ยะลา 17 ราย, นราธิวาส 13 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี