วงถกตร.ไซด์ไลน์
ซัด‘8จอม’ทำเสื่อม
เสนอแจ้งทรัพย์สิน
จี้‘กลต.’ตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) จัดเสวนาหัวข้อ “ตำรวจไซด์ไลน์ : ปัญหาจริยธรรมและกาฝากกระบวนการยุติธรรมไทย” โดยมี รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีต รอง ผบก.จเรตำรวจ และนายสุนันท์ ศรีจันทรา นักวิเคราะห์เศรษฐกิจและวงการหุ้น ร่วมเสวนา
รศ.ดร.พิชาย กล่าวว่า งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาพฤติกรรมและจริยธรรมตำรวจทั้งในและต่างประเทศ สรุปว่าบุคลิกตำรวจค่อนข้างเป็นแบบเผด็จการ ยิ่งอยู่ในอำนาจนาน ยิ่งนิยมอำนาจเผด็จการมากขึ้น มองโลกในแง่ร้าย การตั้งข้อสงสัยผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่าผิดไว้ก่อน ไม่ค่อยไว้วางใจใคร ในสังคมไทยมักเห็นพฤติกรรมตำรวจแบ่งเป็น 8 จอม ได้แก่ 1.จอมโหด คือ ปฏิบัติตัวเป็นศาลเตี้ย 2.จอมเป่า คือ การเป่าคดี ตั้งแต่ไม่รับคำร้องทุกข์จากชาวบ้าน เป่าคดีจากผู้มีอำนาจให้เบาบางลง 3.จอมเอื้อ คือ การใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์คนอื่น
4.จอมรีดไถ เช่น พฤติกรรมรีดไถเงินจากชาวบ้าน ทั้งเรื่องกฎหมายจราจร บ่อน หวย ซ่อง 5.จอมวิ่ง มักจะพบเจอตอนฤดูกาลโยกย้ายตำรวจ 6.จอมยัด ที่ยัดทั้งของผิดกฎหมายหรือข้อกล่าวหาให้ประชาชน 7.จอมไซด์ไลน์ มองงานตำรวจไว้เพียงประดับอำนาจ บารมี และ 8.จอมเอาหน้า แย่งผลงานเพื่อนทั้งที่งานไม่ค่อยทำ ซึ่งที่ยกตัวอย่างมา เป็น 8 พฤติกรรมที่เห็นทั้งการละเมิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม และขอเสนอว่าต่อไปบัญชีทรัพย์สินตั้งแต่ระดับ ผบก.ควรประกาศต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบจากภาคประชาชน
“เมื่อดูปัจจัยที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องบุคคล ตำรวจมักอ้างเงินเดือนน้อย ทุกคนก่อนรับราชการก็รู้อยู่แก่ใจเรื่องเงินเดือน นอกจากนี้เรายังเห็นพฤติกรรมที่สะท้อนถึงการทำงานอีกหลายปัจจัย เช่น การทำงานตามคำสั่งเจ้านาย ก่อให้เกิดการรับเงินจากผู้มีอำนาจ นักธุรกิจ คนในวงการตำรวจมักมีกฎในการปกป้องพวกเดียวกัน นโยบายการเมืองบางช่วงเวลา เอื้อให้ตำรวจทำหน้าที่มิชอบ สมัยหนึ่งเรื่องนโยบายฆ่าตัดตอนเพื่อปราบปรามยาเสพติด มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง สังคม ให้เร่งรัดคดี รีบจับผู้กระทำความผิดเลยมีความเป็นไปได้ในการจับแพะ” รศ.ดร.พิชาย กล่าว
รศ.ดร.พิชาย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมที่ผิด เช่น เลือกลงโรงพักที่มีผลประโยชน์ ขอติดตามนาย เพราะได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว ประกอบอาชีพอื่นร่วมกับอาชีพตำรวจ มีค่านิยมเสพสุข ฟุ้งเฟ้อ วัฒนธรรมการใช้กำลัง ซึ่งล้วนทำให้เกิดพฤติกรรมไม่ชอบทั้งหลาย ละเมิดกฎหมายและจริยธรรม
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ระบุว่า พฤติกรรมที่เป็นค่านิยมในแวดวงตำรวจฝังรากลึกมานานส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้าง ใช้หลักคิดวินัยทหาร คิดว่าจะใช้กับตำรวจได้ แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตำรวจอ่อนแอ การจับกุมหลายครั้งเป็นไปด้วยความรุนแรง ละเมิดสิทธิ แต่ปัญหาทั้งหลายมาจากโครงสร้าง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ก็ยังไม่เห็นทางออก การปฏิรูปที่สำคัญ คือ การแยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่เป็นประเด็นตำรวจไซด์ไลน์ ถ้าทำงานเต็มเวลาคงไม่มีเวลาไปทำอาชีพเสริม บางประเทศแม้แต่ภรรยา ไปเปิดร้านขายสุรายังไม่ได้ องค์กรตำรวจแม้มีกฎระเบียบเรื่องจริยธรรม แต่กลับไม่เคยมีตำรวจถูกลงโทษเลย ตีความได้ 2 แบบ คือ ตำรวจมีจริยธรรมที่ดี หรือระบบการตรวจสอบไม่ได้เรื่อง
ขณะที่ นายสุนันท์ กล่าวว่า กรณีตำรวจไซด์ไลน์ เป็นการรวมตัวกันของ 3 เจ้าพ่อ คือ เจ้าพ่ออ่าง เจ้าพ่อตำรวจ และเจ้าพ่อนักปั่นหุ้น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นมีมูลค่ารวมกันกว่า 18.13 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพี การซื้อขายไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ไม่มีธุรกิจใดซื้อขายเท่ากับตลาดหุ้น ยังไม่นับรวมเงินปันผล 2.5 เปอร์เซ็นต์ คนที่คิดหาประโยชน์แค่ 0.01 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่ามหาศาล เงินที่เข้ามามีทั้งทหาร ตำรวจ อัยการ นักกฎหมายระดับชาติ มักอยู่ในบริษัทที่มีหุ้นสีเทา หุ้นปั่น เพราะต้องการให้ปกป้องบริษัท ไม่ให้ใครกล้ายุ่ง เรื่องที่เกี่ยวกับ อดีต ผบ.ตร.ไม่ใช่เพียงเงินยืม
นายสุนันท์ กล่าวอีกว่า เมื่ออดีต ผบ.ตร.ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช.จะอ้างไม่ได้ว่าเงินที่ได้ยืมมาไม่รู้มาจากไหน นอกจากนี้บางบุคคลที่ถูกยกเป็นเจ้าพ่อปั่นหุ้น เคยถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) กล่าวโทษ 14 คดี ปรากฏว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งไม่ฟ้อง ไม่นำขึ้นสู่การพิจารณาของศาล ประชาชนเลยไม่รับรู้ รับทราบ
“วิธีการในตลาดหุ้นเปลี่ยนไป จากปั่น เป็นไซฟ่อนเงิน โดยเพิ่มทุนและไปซื้อทรัพย์สินภายนอกแพงกว่าราคาจริง แล้วเอาเงินทอน บางบริษัทน่าแปลกใจมีการเพิ่มทุนกว่า 11 ครั้ง กรณีการซื้อขาย ยืมเงินบางเรื่อง เราไม่รู้เป็นเงินบาปแล้วมาทำผิดในตลาดหรือไม่ คนที่จะตอบเรื่องนี้ได้คือ ดีเอสไอ กับ ปปง.เพราะเราได้ลายแทงแล้ว ขอให้ตามรอยไปให้สุด และอาจจะไม่ได้แค่นี้ อาจได้เจ้าพ่อใหญ่ในวงการอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย” นายสุนันท์ กล่าว
นายสุนันท์ กล่าวต่อว่า ในตลาดหลักทรัพย์เต็มไปด้วย 18 มงกุฎ เราเคยได้ยินข่าวคนฆ่าตัวตาย ฆ่ายกครัว เพราะไปเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการฆ่ากันอย่างเลือดเย็น เต็มไปด้วยอาชญากรรม ตนฝาก กลต.อยากให้ได้คนกล้าเป็นปากเสียงนักลงทุนจริงๆ คนเล่นหุ้นมักโทษตัวเองว่าซวย ไม่เคยคิดว่าถูกโกง เคยเสนอไปยัง กลต.ให้มีเอ็นจีโอ เข้าไปทำหน้าที่ 1 ตำแหน่ง ในคณะกรรมการ ไม่ใช่มีแต่ตัวแทนโบรกเกอร์ กระทรวงการคลัง แต่สมาคมผู้ส่งเสริมการลงทุน เหมือนเสือกระดาษ ไม่ทำหน้าที่เลย 3 เจ้าพ่อ มาเจอกัน เราบอกไม่ได้เขามีพฤติการณ์อย่างไร คนบอกได้คือ ปปง.กับ ดีเอสไอ จึงขอให้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี