“หมอธี” ยังไม่สรุป โอนศูนย์วิทยฯ ท้องฟ้าจำลอง - อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ หว้ากอ ชี้ยังอีกหลายขั้นตอน ขณะที่ สศทช.ค้านโอนศูนย์วิทยาศาสตร์ไปอยู่กระทรวงวิทย์ฯ เกรงจะเป็นแหล่งหารายได้ เรียกเก็บค่าผ่านประตูแพง
21 ก.พ.61 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวการโอนศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ และอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กระทรวงศึกษาธิการ ให้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่า
ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติใดๆ ในเรื่องนี้เลย กระแสข่าวนี้เกิดจาก รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เสนอขอรับโอนศูนย์วิทยาศาสตร์ทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ของประชาชนจริงๆ ตนจึงได้นำเข้าหารือในที่ประชุมองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งที่ประชุมก็ไม่ขัดข้อง แต่ก็ยังไม่ใช่ข้อยุติเพราะต้องมีขั้นตอนตามกฎหมาย ต้องศึกษารายละเอียด ระเบียบต่างๆ ต้องมีการวิเคราะห์ผลดี ผลเสีย อีกหลายขั้นตอน และยังต้องศึกษาเรื่องกำลังคน เรื่องงบประมาณด้วย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ประวัติศาสตร์ของอุทยานวิทยาศาสตร์ ณ หว้ากอ ยิ่งใหญ่มาก ตอนซื้อที่ดิน 500 ไร่เพื่อสร้างก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากคณะรัฐมนตรีสมัยนั้น แต่หลังจากนั้นจนถึงวันนี้ กลับไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร สำหรับปีนี้ก็จะครบ 150 ปี ของการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทอดพระเนตรการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่บ้านหว้ากอ ในวันที่ 18 ส.ค.2411 ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาตนได้มอบหมายให้เตรียมการเฉลิมฉลองและบูรณะไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้รับงบประมาณ ดังนั้น เมื่อ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เสนอขอมาโดยหลักการก็ไม่ขัดข้อง แต่ก็ต้องหารือกันอีกหลายขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ใช่จะยกให้ใครได้ทันที
“ตอนนี้คนที่คิดว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบ อย่าเพิ่งกังวลใจ และก็คงมีคนมาต่อต้าน แต่ก็อยากให้มองว่ายังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องพูดคุยกันทั้งผลดี ผลเสีย ทางกฎหมายจะทำได้หรือไม่ และใครจะเป็นคนอนุมัติ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือกระทรวงศึกษาธิการแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าจะต่อต้านก็ขอให้ต่อต้านในขั้นตอนโดยเอาประเทศเป็นตัวตั้ง” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ด้านนายทวีศักดิ์ วิศิษฎางกูร นายกสมาคมส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตไทย (สศทช.) กล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมา ประชาคมศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ รู้สึกไม่สบายใจ และมีความห่วงใยโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเมื่อโอนไปสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แล้วจะสามารถจัดในมิติของการศึกษาได้หรือไม่ และเกรงว่าจะถูกปรับให้เป็นองค์การมหาชน ซึ่งจะต้องมีเรื่องของการหาเงินรายได้ ก็จะส่งผลให้ต้องมีการเรียกเก็บเงินค่าผ่านประตูในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่หลักการของการเป็นสถานศึกษา
“ที่ประชาคมออกมาแสดงความห่วงใย เนื่องจาก กศน.เคยมีประสบการณ์ในการโอนที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน ให้กับองค์การบริการส่วนท้องถิ่น (อบต.) แล้ว วันนี้ที่อ่านหนังสือก็หายไปเลย อย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้ รมว.ศึกษาธิการจะบอกว่าต้องมีการศึกษากฎหมาย อีกหลายขั้นตอน ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ขณะเดียวกันกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเตรียมการรับโอนแล้ว ทำให้ประชาคมเกิดความกังวล และเกิดประเด็นห่วงใยขึ้นมา จึงอยากเสนอให้ทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นประชาคมที่เกี่ยวข้องด้วย และที่สำคัญขอเสนอว่าหากจะโอนให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อให้มีการพัฒนา ขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เข้ามาช่วยเสริมเติมเต็มโดยไม่ต้องโอนไปจะดีกว่า” นายทวีศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี