วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
22 ก.พ.61 จากกรณีที่เมืองพัทยา สนธิกำลังร่วมอำเภอบางละมุง สำนักงานเจ้าท่าพัทยา และสำนักงานที่ดิน รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ดินสาธารณะบริเวณด้านหลัง “บ้านสุขาวดี”ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับรายงานว่ามีการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตภายในพื้นที่สาธารณะริมทะเล อีกทั้งยังมีการปิดทางถนนสาธารณะโดยมีการก่อสร้างกำแพงปิดกั้น และก่อสร้างอาคารเพื่อใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังฝ่าฝืนคำสั่งที่เมืองพัทยา ที่ห้ามไม่ให้มีการนำรถโดยสารขนาดใหญ่วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวบนฟุตปาทสาธารณะริมชายหาด จนทำให้ถนนเกิดความเสียหาย
ซึ่งจากการตรวจสอบแผนที่โดยสังเขปและการรังวัดของสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาอำเภอบางละมุง พบว่าแปลงที่ดินส่วนหนึ่งบริเวณที่ติดกับฟุตปาทริมทะเล ซึ่งตามเอกสารระบุว่า เป็น “ทะเล”ในพื้นที่ 11 ไร่เศษ ซึ่งมีแนวติดกับที่ดินของวัดช่องลม นาเกลือนั้น ปัจจุบันมีสภาพเป็นที่ดินแปลงขนาดใหญ่ ที่พบว่าทางบ้านสุขาวดี ได้ทำการจัดตกแต่งสวน พร้อมปลูกสร้างอาคารขนาดใหญ่ไว้ รวมทั้งมีการจัดทำรั้วบริเวณริมฟุตปาทชายทะเลคล้ายเป็นที่ส่วนบุคคล ซึ่งอาคารเหล่านี้ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่ได้มีการขออนุญาตก่อสร้างตามกฎหมาย
.jpg)
นอกจากนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ภายในขอบเขตของบ้านสุขาวดี มีทางสาธารณประโยชน์ ขนาด 6x150 เมตร จำนวน 1 เส้น ที่ต่อเชื่อมจากถนนสาธารณะของซอยบางละมุง 8 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีการระบุไว้ว่ามีการยกให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2530 ที่ผ่านมา แต่ต่อมาพบว่าทางบ้านสุขาวดี ได้ทำกำแพงรั้วปิดกั้นทางไว้ และมีการก่อสร้างอาคารทับทางดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้เมืองพัทยาได้ทำการกำหนดแนวเขต และขอความร่วมมือจากทางบ้านสุขาวดี ให้ทำการเปิดทางและรื้อถอนอาคารในส่วนที่รุกล้ำทาง รวมทั้งมีแผนจะทำแนวรั้วเหล็กบนทางสาธารณะริมชายหาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำรถบัสขนาดใหญ่มาวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งมีกำหนดดำเนินการในวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์นั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ.) พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายวิเชียร พงษ์พานิชย์ รองนายกเมืองพัทยา ได้นำเจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวอีกครั้ง โดยมี ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด พร้อมคณะร่วมให้การต้อนรับ
.jpg)
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่ภายในบ้านสุขาวดี โดยเฉพาะในส่วนที่ระบุว่ามีการก่อสร้างอาคารทับ ทางสาธารณะประโยชน์นั้น เบื้องต้นพบว่า ทางบ้านสุขาวดีได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวบางส่วนแล้ว โดยพบว่าเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ก่อสร้างติดกับกำแพงที่ต่อเชื่อมกับถนนสาธารณซอยบางละมุง 8 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีแนวทับทางสาธารณะประโยชน์ขนาด 6x150 เมตร โดยมีการนำรถแบ็คโฮพร้อมคนงานเข้าทำการทุบทำลายเพื่อเปิดทางแนวกว้างประมาณ 10 เมตร ซึ่งระบุว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเร็ววันนี้
จากนั้นคณะนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยผู้บริหารบ้านสุขาวดี ได้ลงพื้นที่สำรวจแนวที่ดินขนาดใหญ่จำนวน 11 ไร่ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการปรับปรุงจนมีทัศนียภาพสวยงามและมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่หลายร้อยตารางเมตร อยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวจำนวน 1 หลัง ซึ่งกรณีดังกล่าวทางเมืองพัทยา จะเร่งหารือกับสำนักงานเจ้าท่าพัทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูความเป็นของที่ดินและเอกสารที่ถูกต้อง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอน ขณะที่ในส่วนของอาคารขนาดใหญ่นั้นระบุว่า เป็นการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะมีการนำเสนอตามขั้นตอนเพื่อขออนุมัติคำสั่งตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารต่อไป
.jpg)
ขณะที่ปัญหาการนำรถบัสโดยสารขนาดใหญ่มาสัญจรบนทางสาธารณะประโยชน์ริมชายหาดนั้น กรณีดังกล่าวเมืองพัทยาจะชะลอการติดตัวรั้วแนวกั้นรถที่กำหนดไว้แต่เดิมในวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ออกไปอีก 30 วัน เพื่อรอเวลาการรื้อถอนอาคารของบ้านสุขาวดี ในส่วนอาคารที่ทับทางสาธารณะประโยชน์ เพื่อใช้เป็นทางเข้าออกแทน จากนั้นก็จะมาทำแนวรั้วกั้นเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ในการพักผ่อนและชมทิวทัศน์ โดยจะไม่อนุญาตให้รถเข้ามาสัญจรได้อีกในอนาคต
ด้าน นายวิเชียร พงษ์พานิชย์ รองนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนและกลไกทางกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีของการทวงคืนที่ดินสาธารณะให้กับแผ่นดิน ซึ่งเป็นนโยบายหลักและก็ไม่มีได้มีเจตนากลั่นแกล้งหรือรังแกใคร ซึ่งปัจจุบันก็พบว่าทางบ้านสุขาวดีก็ให้ความร่วมมือด้วยดีในการรื้อถอนอาคารในส่วนที่รุกล้ำทางสาธารณะประโยชน์ไปแล้ว ขณะที่อาคารบนที่ดินริมทะเลขนาด 11 ไร่นั้น คงต้องเป็นเรื่องของการตรวจสอบที่มาและเอกสาร รวมทั้งความเป็นมาที่ชัดเจนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าในอดีตเป็นปากคลองสาธารณะประโยชน์ และเคยมีการร้องขอจากทางบ้านสุขาวดีเพื่อขอออกมาโฉนดมาแล้วในปี 2547 ซึ่งขณะนั้นตนเองดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสำนักงานที่ดิน สาขาอำเภอบางละมุงอยู่และไม่ได้อนุญาตให้ตามการนำเสนอ เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช้ที่งอกตามธรรมชาติ เรื่องจึงเงียบหายไปกระทั่งมีปัญหาในปัจจุบัน ส่วนกรณีที่ทางบ้านสุขาวดี แจ้งว่าหากจะขอทำการเช่าพื้นที่ดังกล่าวได้หรือไม่นั้น คงต้องไปหารือและดูเรื่องของกฎหมายว่ามีข้อห้ามและอนุญาตในที่สาธารณะได้อย่างไรหรือไม่ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี