“เปรมชัย”ส่งทนายขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีทารุณกรรมสัตว์ โดยระบุจะเดินทางไปพบ 5 มีนาคม อ้างติดภารกิจสำคัญ ด้านชุดพญาเสือประสานพฐ.เข้าเก็บหลักฐานหาวิถียิงเสือดำ ขณะที่ผู้ว่าฯเลยจี้กรรมการ 5 ฝ่ายสอบที่ดินเจ้าสัวรุกป่าหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมธ รอง ผบก.ภ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)ร่วมประชุม ติดตามความความคืบหน้าสำนวนคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าป่าล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก หลังประชุม พ.ต.อ.พูนศักดิ์ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดเดิม วันนี้นายเปรมชัยพร้อมพวกรวม 4 คน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ต้องเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมและรับทราบข้อหาทารุณกรรมสัตว์อีก 1 ข้อหา รวมทั้งหมด 10 ข้อหา แต่ปรากฎว่าเมื่อถึงเวลานายเปรมชัย ไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
โดยพล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า ทนายความนายเปรมชัยแจ้งมาว่า นายเปรมชัยกับพวกขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี โดยอ้างว่าติดภารกิจสำคัญ ขอเลื่อนเป็นวันที่ 5 มีนาคม พนักงานสอบสวนจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนจะออกหมายเรียกให้มาพบตำรวจอีกครั้งวันที่ 5 มีนาคม แต่ถ้านายเปรมชัยไม่มาอีก พนักงานสอบสวนจะขอศาลออกหมายจับต่อไป
ด้านร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ เปิดเผยความคืบหน้าคดีล่าสัตว์ป่าในเขตทุ่งใหญ่ฯว่าอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน ที่ตำรวจรวบรวมได้ ไม่ว่าจะผลประวัติพิมพ์นิ้วมือและอื่นๆที่ได้ส่งตรวจ ถ้ารวบรวมมาแล้วจะเริ่มสรุปสำนวนได้ ส่วนการสอบปากคำพยานสอบไปหมดแล้ว เหลืออีกไม่กี่คน การทำงานของตำรวจไม่ได้ล่าช้า กระบวนการต่างๆ มีระยะเวลาอยู่
ร.ต.อ.สุมิตรกล่าวต่อว่า วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ตำรวจได้รับการประสานจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯให้ไปร่วมตรวจพื้นที่เกิดเหตุริมห้วยประชิ เส้นทางระหว่างหน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช-หน่วยพิทักษ์ป่าทินวย เพื่อเก็บหลักฐานร่องรอยกระสุนปืน 3 จุดบนต้นไม้ใกล้จุดที่พบไส้เสือดำ และลำห้วยประชิที่พบกระดูกเสือดำและไส้ เพื่อสรุปผลให้แน่ชัดว่าเป็นวิถีกระสุนที่ใช้ยิงเสือดำหรือไม่
อีกด้านหนึ่ง ในการตรวจสอบปัญหาบุกรุกป่าภูเรือของนายเปรมชัยและญาติ ที่จ.เลย รวมถึงบริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หลังมีการตั้งคณะกรรมการ 5 ฝ่ายขึ้นมาดำเนินการร่วมกัน โดยนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยเผยว่า ที่ดินจังหวัด ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฯรายงานมาว่า กำลังเข้าตรวจสอบที่ดินของนายเปรมชัยที่มีชื่ออยู่ในโฉนด 5 แปลง จำนวน 103 ไร่ ต้องตรวจพิสูจน์ให้ได้ว่าการออกโฉนด 5 แปลงนี้ได้มาจากกรณีใด มาจากการเดินสำรวจหรือมาจากการยื่นขอเฉพาะรายที่ละแปลง ส่วนการได้มาชอบหรือไม่ ขึ้นกับกระบวนการตรวจสอบ ถ้าได้มาโดยมิชอบ สำนักงานที่ดินจังหวัดรายงานอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อตั้งกรรมการพิจารณาเพิกถอนตามอำนาจ
ทั้งนี้คณะกรรมการทั้ง 5 ฝ่ายกำลังเร่งตรวจสอบที่ดินที่ถูกกล่าวหา ที่ได้กล่าวโทษร้องทุกข์ในที่ดิน 6,229 ไร่ แบ่งเป็น 2 กรณีคือ ที่ดินที่ถูกเพิกถอน น.ส.3 ไปแล้วเมื่อปี 2546 แล้วมีร่องรอยการเข้าไปทำประโยชน์ ประเด็นนี้เจ้าพนักงานป่าไม้เชื่อว่าบุกรุกจริง กรณีที่ 2 การนำเอกสารสิทธิ การนำชี้ การแจ้งข้อความเพื่อให้ได้โฉนดตามแผนที่เชื่อว่ามีการทับซ้อนกับที่ดินที่มีการเพิกถอนไปในจำนวน 16 แปลง ก็เป็นอีกประเด็นที่พนักงานที่ดินร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกรณีที่ว่าไม่ใช่ที่ดินของตนแต่นำมาออกโฉนด
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งข้อกล่าวหาไว้แล้ว 2 ประเด็นคือ บุกรุก กับเอกสารสิทธิได้มาโดยมิชอบ คณะกรรมการต้องเร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อนำส่งพนักงานอัยการฟ้องร้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี