ไม่ได้แก้สำนวนหวย30ล.
ผบก.กาญจน์โต้
ยืนยันทำตามขั้นตอนกม.
เลื่อนมอบตัวเป็นวันศุกร์นี้
จเรตร.ลั่นผิดจริงโดนหนัก
ครูปรีชาไม่กลัวต้องติดคุก
อ้างมีหลักฐานเด็ดพลิกคดี
“ผู้การเมืองกาญจน์”ขอเลื่อนรายงานตัวที่ ศปก.ตร. อ้างติดภารกิจ โต้เหตุผลโดนเด้งตามข่าวที่ออกมาไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด ให้รอฟังการแถลง 28 กุมภาพันธ์ ด้าน“จเรตำรวจ” แย้มถ้าพบว่าผิดจะส่ง ป.ป.ช.ดำเนินการ ขณะที่“ครูปรีชา”ยันไม่กังวลว่าจะต้องติดคุก หากผลสรุปหวย 30 ล้าน เป็นของ“ลุงจรูญ”ก็สบายใจ แต่หยันอีกฝ่ายหลักฐานน้อย โอ่หนังมีอีกหลายตอน ให้รอดูหลักฐานเด็ด
จากกรณีการแย่งชิงกรรมสิทธิ์ลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครู รร.เทพมงคลรังสี จ.กาญจนบุรี กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อายุ 62 ปี อดีตข้าราชการตำรวจวัยเกษียณ ซึ่งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข่าวทางสื่อต่างๆ ว่ากองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ได้เปิดเผยผลการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ จนได้ข้อสรุปว่าลอตเตอรี่ น่าจะเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ เนื่องจากมีพยานหลักฐานสนับสนุนจำนวนมาก รวมทั้งเตรียมดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย เป็นพลเรือน 2 ราย และตำรวจ 1 ราย และขณะนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ได้มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.)โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และให้มารายงานตัวในเวลา 14.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ เพื่อความโปร่งใสในการสืบสวนคลี่คลายคดี ตามที่เป็นข่าวนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อ พล.ต.ต.สุทธิ เพื่อสอบถามเรื่องการเดินทางไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร. ก็ได้รับการยืนยันจาก พล.ต.ต.สุทธิ ว่า ตนพร้อมปฏิบัติคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่วันนี้ยังติดราชการ จึงจะทำเรื่องและประสานขอเข้ารายงานตัวในวันอื่นแทน และหลังจากมีคำสั่งก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยจะรายงานเรื่องทั้งหมดให้ทราบในวันที่เข้ารายงานตัว
“ส่วนการดำเนินคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาทยืนยันว่าดำเนินการไปพยานหลักฐาน ทำตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย โดยข่าวที่ออกมายังไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงและรายละเอียดทางคดี ทางตำรวจจะมีการแถลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้ “พล.ต.ต.สุทธิ กล่าว
ทางด้าน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สาเหตุที่สั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ เนื่องจากผลการสืบสวนสอบของคณะทำงานพบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องเกียวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน ดังนั้น เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างเป็นธรรม ไม่ให้เข้าไปยุ่งเหยิงกระบวนการรวบรวมวัตถุพยานหรือพยานบุคคล จึงจำเป็นต้องออกคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. เพื่อให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้สอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ เบื้องต้น พล.ต.ต.สุทธิ ได้ขอเลื่อนการเข้ารายงานตัว โดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการ และอบรมหลักสูตรการบริการการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน(บรอ.) ที่ จ.เชียงราย แต่อีกไม่เกิน 2 วันจะกลับมารายงานตัว
“ส่วนความผิดจะชัดเจนหรือไม่ชัดเจน มันอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็น ในระหว่างนี้เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความเป็นธรรม ต้องเอาตัว ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ออกจากพื้นที่ก่อน ถ้าผลสอบไม่พบความผิดก็สามารถกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมได้ แต่ถ้าพบมีความผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ว่าใครบ้างมีความผิด ผิดชั้นไหน จากนั้นอาจส่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบฯ หรือส่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ(ป.ป.ป.) รับคำร้องทุกข์ดำเนินคดีแล้วส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ระดับ พ.ต.ท.ลงมาส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ถ้าสูงขึ้นกว่านั้นอาจส่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น” จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าว
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า การออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดี ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอผลการสอบสวนจากคณะกรรมการจาก บช.ก.สรุปมาก่อน แต่คาดว่าสามารถจะสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้ ใครก็ตามที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ต้องห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะละเว้น แต่ต้องรอทางคณะกรรมการรวบรวมพยานพยานหลักฐานอย่างเป็นธรรมและมีเหตุมีผล ที่จะชี้มูลความผิดแต่ละคน ซึ่งตรงนี้ยังไม่ขอก้าวล่วง ยืนยันว่าเหตุผลในการย้าย พล.ต.ต.สุทธิ ครั้งนี้มีเหตุผลเดียวเฉพาะเรื่องหวย ไม่มีเรื่องอื่นเกี่ยวข้อง
รายงานข่าวระบุว่า มูลเหตุสำคัญของการสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ เนื่องจากในการสอบสวนพยานฝ่ายครูปรีชา รวมถึงนายตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี มีการให้การพาดพิงไปถึง พล.ต.ต.สุทธิ ดังนั้นจึงมีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. เนื่องจากหากยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ในระหว่างการสอบสวนคดีนี้ อาจเป็นที่ไม่ไว้วางใจของคู่กรณี และประชาชนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดจนอาจใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้
ส่วนบันทึกคำสั่งการโยกย้าย ที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. เสนอไปยัง ผบ.ตร. มีทั้งหมด 4 หน้า ได้สรุปผลการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในคดีหวย 30 ล้านบาท ซึ่งได้ให้การพาดพิงถึง พล.ต.ต.ตรีสุทธิ ว่าเป็นผู้สั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การของพยาน โดยสั่งการด้วยวาจาให้พนักงานสอบสวน สอบสวนให้กลมกลืน และมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง โดยการเพิ่มข้อมูลที่ได้มาในภายหลัง แต่ลงวันที่ให้สอดคล้องกับแนวทางของตัวเอง เพื่อให้เห็นว่าการสอบปากคำในครั้งแรกมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังพบว่า พล.ต.ต.สุทธิ ได้เรียกนายปรีชา และ ร.ต.ท.จรูญ ไปเจรจาตกลง แต่ไม่ทราบว่าผลการเจรจาเป็นอย่างไร และยังมีการเปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวน อีกหลายครั้ง
ส่วนที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่ทำงานของ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.สส. สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ.จิรายุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.สส. สภ.เมืองกาญจนบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี และ ตำรวจยศ ร.ต.ท. และ ด.ต. ที่เกี่ยวข้องในคดีหวย 30 ล้านบาท ปรากฏว่าไม่พบตำรวจทั้ง 4 นายแต่อย่างใด
ขณะที่นายตำรวจนายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ ร.ต.อ.จิรายุทธ์ เปิดเผยว่า จากการที่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องสารทุกข์สุกดิบทั่วไป ทราบว่า ร.ต.อ.จิรายุทธ์ นั้นได้ถูกกักตัวเอาไว้เป็นพยาน และจากการพูดคุยพบว่าผู้กองมีความเครียดเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกกดดันอย่างหนัก และขณะนี้ไม่สามารถติดต่อกับผู้กองได้อีกเลย ดังนั้นจึงมีความกังวล และเป็นห่วง ร.ต.อ.จิรายุทธ์ เป็นอย่างมาก
ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายปรีชา ให้สัมภาษณ์ที่หน้าบ้านพักเลขที่ 143/22 ทุ่งนา ซ.5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ว่า ตนยังมีความมั่นใจเหมือนเดิม เพราะเรื่องจริงคือเรื่องจริง เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่ออาชีพครู เพราะว่าตนยังไม่มีความผิด ส่วนกรณีที่ตำรวจจะออกมาสรุปผลว่าใครผิดใครถูกนั้นเป็นเรื่องของการคาดคะเนจากพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อย่างไรก็ตาม ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยและตัดสินว่าใครเป็นคนผิด คนถูก ซึ่งตนได้มีแผนรองรับโดยปรึกษาทีมทนายความเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และไม่ได้หวั่นวิตกว่า ตนจะต้องติดคุก เพราะคุกมีเอาไว้ขังคนไม่ดี ซึ่งตอนนี้ตนยังมีกำลังใจดีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วจะต้องมีคนหนึ่งคนใดจะต้องติดคุก ครูปรีชา ตอบว่า ไม่วิตกกังวล เพราะไม่ใช่ตนแน่ และขอให้ดูกันต่อไป หนังมีหลายตอน ต้องดูจากพยานหลักฐาน ซึ่งตนมีหลักฐานเด็ด แต่ไม่นำมาเปิดเผยผ่านสื่อ เพราะเป็นเรื่องของคดี จากนั้น ครูปรีชา ได้ขอตัวขับรถไปโรงเรียนเพื่อสอนหนังสือ และหากผู้สื่อข่าวต้องการสัมภาษณ์ก็ขอให้ไปพบที่โรงเรียน ช่วงเวลาพักเที่ยง
ต่อมา ครูปรีชา ได้แถลงข่าวที่ รร.เทพมงคลรังสี ว่า ตนเคยพบ พล.ต.ต.สุทธิ แค่ 2 ครั้ง ครั้งแรกไปพบพร้อมพนักงานสอบสวน ส่วนครั้งที่ 2 ไปพบพร้อมญาติ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะตามมาภายหลัง โดยผู้การก็บอกว่าหากมีหลักฐานอะไรก็เอาให้ตำรวจ แต่ไม่รู้จักหรือโทรศัพท์หาเป็นการส่วนตัว และทุกครั้งที่พบผู้การ ก็มีตำรวจอีกหลายนายนั่งอยู่ด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าโต๊ะ ร.ต.ท.เจ้าของคดีถูกรื้อค้น “ซองพลาสติก” ที่เคยใส่หวย 30 ล้านบาทหายไป ก็ไม่ทราบ เรื่องนี้เพิ่งรู้จากผู้สื่อข่าว ขณะนี้ไม่กังวลใดๆ เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของที่ตำรวจ ยืนยันได้ว่าจะไม่มีหนีไปไหน ยังต้องสอนหนังสืออยู่ ส่วนเจ๊บ้าบิ่นกับพยานคนอื่นไม่ได้คุยหรือติดต่อกัน หากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผลออกมาว่า “ลุงจรูญ” เป็นเจ้าของลอตเตอรี่ดังกล่าว ก็สบายใจ แปลว่าพยานหลักฐานของอีกฝ่ายมีมากกว่า แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่ที่ศาลตัดสิน
เมื่อถามถึงเรื่องหมายจับ ครูปรีชาได้ยกหูโทรศัพท์ ขอพักการแถลงข่าวไปรับสายครูเมตตา พี่สาว ก่อนจะกลับมาตอบคำถามว่าไม่กังวลใดๆ เท่าที่ดูอีกฝ่ายก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาก นอกจากคลิปเสียง โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้โกหก เพราะคนเป็นครูโกหกไม่ได้ ฝากสื่อให้ช่วยเป็นกลางนิดนึง ย้ำว่าไม่ได้มีการเรียกคู่กรณีไปเจรจาไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด ขอพูดอีกครั้ง หวยชุดนี้มีชุดเดียวแล้วครูซื้อมา รับมาเรียบร้อย และทำหายตกหาย จึงกลายเป็นคดีใหญ่โต ทุกวันนี้เชื่อมั่น มั่นใจว่าลอตเตอรี่นี้เป็นของครูแน่นอน แต่ที่ไม่ไปแจ้งความทันที เพราะเหตุเพิ่งเกิด ตำรวจไม่รับแจ้ง ให้ไปตรวจทานหาให้ดีก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี