"พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.กาญจนบุรี"โดนพิษคดีหวย30ล้านย่องเงียบรายงานตัวศปก.ตร. ยังไม่พอสั่งโยกตำรวจทีมสอบสวนหวยอลเวงอีก2นายเข้านั่งกองปราบฯ เผยในบันทึกลับพบสาเหตุการสั่งย้าย3ตำรวจพบเอียงข้าง"ครูปรีชา"ชัดเจน ขณะที่"ฐิติราช"ลั่นหากพบหลักฐานหวยหายโยงถึงใครโดนเชือดหมด
วันนี้ (23 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคดีหวยอลเวง 30 ล้านที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี ส่งผลให้มีการสั่งย้ายตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรีเพิ่มอีก 2 นาย หลังจากเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) กาญจนบุรี มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย และแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ไปปฎิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีไปแล้ว
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมายังมีคำสั่งย้ายตำรวจอีก 2 นาย คือ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ให้ไปปฏิบัติราชการที่ บก.ป.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.ป.มอบหมาย นับตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป
เปิดเบื้องหลังโยกอดีตหน.ชุดสอบสวน
สำหรับ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทางคณะพนักงานสอบสวนกองปราบปราม (บก.ป.) เชิญตัวไปทำการสอบปากคำในฐานะพยานที่ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.(กาญจนบุรี) เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับพยานรายอื่นๆรวม 7 ราย ประกอบด้วย 1.พ.ต.ท.ชูวิทย์ 2.ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี 3.ร.ต.ท.ศิลป ถิ่นทุ่งทอง รองสว.(จร.) สภ.เมืองกาญจนบุรี 4.ด.ต.นุชิต กระดังงา ผบ.หมู่(ป) สภ.เมืองกาญจนบุรี 5.น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ (เจ๊บ้าบิ่น) 6.น.ส.พัชริดา พรมตา (เจ๊พัช) และ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม (แผน)
ในเอกสารบันทึกข้อความลับของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เรื่องขอให้พิจารณาสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาปฎิบัติราชการที่ ศปก.ตร. ถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ลงวันที่ 20 ก.พ.61 เพื่อให้การสอบสวนคดีแย่งกรรมสิทธิ์รางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท เกิดความโปร่งใส ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 หน้า ระบุว่า จากการสอบสวน พ.ต.ท.ชูวิทย์ ให้การว่า เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้เมื่อ 28 พ.ย.60
พ.ต.ท.ชูวิทย์ ให้การว่า เห็นนายปรีชา ใคร่ครวญ กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล โต้เถียงกันที่ห้องของ ร.ต.อ.จริยุทธ์ จึงได้เข้าไปสอบถาม เมื่อทราบว่าขัดแย้งเรื่องสลากฯ พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงได้เรียกบุคคลทั้งสองเข้ามาพูดคุยในห้องทำงานของพ.ต.ท.ชูวิทย์ เพื่อไกล่เกลี่ย แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงสั่งให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ รับคำร้องทุกข์ จากนั้นพ.ต.ท.ชูวิทย์ ได้รายงานให้ พล.ต.ต.สุทธิ ทราบด้วยวาจา ซึ่งพล.ต.ต.สุทธิ สั่งการให้รีบอายัดเงินในบัญชีของ ร.ต.ท.จรูญ
จากนั้น พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงแจ้งให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ทราบ โดย พล.ต.ต.สุทธิ ได้เรียกให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ นำสำนวนไปรายงานความคืบหน้าให้ทราบ และกำชับให้สอบพยานต่าง ๆโดยละเอียด ซึ่ง พ.ต.ท.ชูวิทย์ เป็นผู้ลงนามในหนังสืออายัดบัญชีธนาคารของ ร.ต.ท.จรูญ
ในเวลาต่อมา ร.ต.ท.จรูญ ได้มีหนังสือแจ้งให้ถอนอายัดไม่เช่นนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น ประมาณวันที่ 8 ธ.ค. 60 พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อปรึกษาผู้พิพากษาเกี่ยวกับอำนาจการอายัด บัญชีของพนักงานสอบสวน ระหว่างรอพบผู้พิพากษา ได้พบ นางดุษดี หรือ กุ้ง ถิ่นทุ่งทอง เจ้าหน้าที่ศาลซึ่งรู้จักกับพยานมานาน ประมาณ 10 ปี ได้มาเล่าให้พ.ต.ท.ชูวิทย์ ฟังว่าอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่นายปรีชามารับสลากจากน.ส.รัตนาพร และเห็นว่าสลากที่มีเลขท้าย 726 โผล่มาจากกระเป๋าเสื้อของนายปรีชาด้วย
จากนั้น พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงได้กลับมาบอกให้ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เรียกนายปรีชา ,น.ส.รัตนาพร และน.ส.พัชริดา มาสอบถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่นางดุษดี เล่ามา ซึ่งเมื่อ น.ส.รัตนาพรและน.ส.พัชริดา มาถึงสถานี (พ.ต.ท.ชูวิทย์ ไม่แน่ใจว่านายปรีชามาด้วยหรือไม่ ) พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงได้เข้าไปสอบถามด้วยตนเอง ซึ่งทั้งสองคนก็บอกว่านางดุษดี อยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ที่ผ่านมาไม่ได้กล่างอ้างไว้ เพราะนึกไม่ถึงคนเยอะ จำไม่ได้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงแน่ใจว่านางดุษดี อยุ่ในเหตุการณ์และเห็นเหตุการณ์ตามที่เล่าให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ ฟัง
พ.ต.ท.ชูวิทย์ จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ สอบปากคำนายปรีชา, น.ส.รัตนาพร และ น.ส.พัชริดา ให้ปรากฎชื่อของนางดุษดี อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพื่อให้มีเหตุในการออกหมายเรียก นางดุษดี มาสอบเป็นพยาน ซึ่ง พ.ต.ท.ชูวิทย์ เคยอ่านคำให้การของผู้กล่าวหาและพยานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ก่อนการแก้ไขมาแล้วทุกปาก เมื่อพบว่าข้อเท็จจริงใดไม่สอดคล้องกันก็แนะนำให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ทำการสอบสวนพยานปากนั้นให้กลมกลืนกับเหตุการณ์ที่มีอยู่
พ.ต.ท.ชูวิทย์ ยอมรับว่าคำให้การของนายปรีชา ,น.ส.รัตนาพรและ น.ส.พัชริดา มีการแก้ไขหลายครั้ง แต่จำไม่ได้ว่ากี่ครั้งและเมื่อใดบ้าง สาเหตุที่พยานไม่ได้แนะนำให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ทำการสอบสวนเพิ่มเติมไปตามลำดับเหตุการณ์ เพราะจะทำให้คำให้การไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจนำข้อเท็จจริงมาจากสื่อหรือจากแหล่งอื่น ๆคำให้การเพิ่มเติมเช่นนี้ จึงส่งผลต่อการพิจารณานำหนักของพยานในชั้นพนักงานอัยการและชั้นศาล
สำหรับพฤติกรรมเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การนั้น ได้แก่ พล.ต.ต.สุทธิ และพ.ต.ท.ชูวิทย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ได้มีการตรวจสำนวนและควบคุมนั่งการให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ทำการเปลี่ยนแปลงคำให้การของนายปรีชา ,น.ส.รัตนาพร และน.ส.พัชริดา ให้มีความสมบูรณ์เหมือนว่ามีการสอบสวนข้อเท็จจริงเหล่านี้มาตั้งแต่การสอบสวนครั้งแรก โดยเพิ่มข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ลงไป โดยมี ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เป็นผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การ
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก เพราะทำให้พยานหลักฐานของฝ่ายนายปรีชา มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการมีความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีชั้นศาลได้ ซึ่งการกระทำของ พล.ต.ต.สุทธิ , พ.ต.ท.ชุวิทย์ และร.ต.อ.จิรยุทธ์ ทำให้ ร.ต.ท.จรูญ ต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อ ผบช.ก. เพื่อขอให้โอนสำนวนการสอบสวนให้ บก.ป.ทำการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อพิจารณาดังกล่าว คือ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงคำให้การของนายปรีชา ใคร่ครวญ ผู้กล่าวหา น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ และน.ส.พัชริดา พรมตา พยานคือ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เป็นผู้สั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การ โดยเป็นการสั่งด้วยวาจาและใช้คำพูดว่า "ทำการสอบสวนให้กลมกลืน"
ส่วน ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เป็นพนักงานสอบสวนที่เปลี่ยนแปลงคำให้การ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง โดยการเพิ่มข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ได้มาภายหลัง ลงไปในคำให้การเดิมและวันที่ย้อนหลัง เพื่อให้เห็นว่ามีการกล่าวถึงข้อเท็จจริงนั้น ในการสอบสวนปากคำครั้งแรกแล้ว คำให้การจะได้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งเมื่อแก้ไขคำให้การเสร็จ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ก็จะนำไปรายงานให้ พล.ต.ต.สุทธิ และ พ.ต.ท.ชูวิทย์ ทราบและตรวจคำให้การ ส่วนคำให้การเดิม ร.ต.อ.จิรยุทธ์ อ้างว่าได้ฉีกทำลายไปหมดแล้ว
ดังนั้น พล.ต.ต.สุทธิ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตั้งแต่ 28 พ.ย.60 โดย พ.ต.ท.ชูวิทย์ เป็นผู้ไปรายงานให้ทราบด้วยวาจา ต่อมาก็ปรากฏตามสื่อต่างๆว่า พล.ต.ต.สุทธิ เรียกนายปรีชา และ ร.ต.ท.จรูญ ไปเจรจาตกลง (ยังไม่ปรากฎความชัดเจนว่าเจรจาอย่างไร ผลเป็นยังไง) หลังจากนั้น พล.ต.ต.สุทธิ ได้เรียกให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ นำสำนวนไปให้ตรวจและสั่งการและสั่งการหลายครั้ง แต่เป็นการสั่งด้วยวาจา ซึ่งร.ต.อ.จิรยุทธ์ ให้การว่า พล.ต.ต.สุทธิ เห็นการเปลี่ยนแปลงคำให้การมาโดยตลอดและแสดงการรับรู้ โดยไม่ได้ทักท้วง ทำให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เชื่อว่าการกระทำของตนเองถูกต้องตรงกับคำสั่งการของ พล.ต.ต.สุทธิ แล้ว
"ผบก.กาญจนบุรี"ย่องเงียบรายงานตัว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศปก.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.วันนี้ (23 ก.พ.61) พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.ได้เดินทางมารายงานตัวตามคำสั่ง ศปก.ตร.ที่ 10/2560 และจากนั้นได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ ศปก.ตร.ชั้น 20 อาคาร1 ตร. เรียบร้อยแล้ว
"ได้มอบหมายหน้าที่ให้ร่วมประชุม ศปก.ตร. และร่วมงานพัฒนา ศปก.ตร. ซึ่งในวันจันทร์ที่ 26 ก.พ.61 พล.ต.ต.สุทธิ ก็ต้องมาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. ซึ่งได้รายงานให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ตร.ทราบแล้ว" พล.ต.ท.สุรพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงบ่ายและเย็นวันนี้ สื่อมวลชนจำนวนมากได้มาดักรอการเข้ารายงานตัวของ พล.ต.ต.สุทธิ และพยายามโทรศัพท์ติดต่อ แต่ พล.ต.ต.สุทธิ ไม่รับสายแต่อย่างใด กระทั่งเดินทางเข้ารายงานตัว พร้อมปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดการเดินทางเข้ารายงานตัวดังกล่าว
"ฐิติราช"ลั่นหวยหายโยงถึงใครโดนหมด
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีหวย 30 ล้านว่า ช่วงนี้เป็นช่วงของการดำเนินการเก็บรายละเอียดในส่วนที่เหลือ และต้องใช้เวลานาน เนื่องจากมีตัวละครค่อนข้างมาก และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกระแสข่าว ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อาจจะเป็นคนเก็บลอตเตอรี่ได้เองนั้นกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถบอกไปถึงจุดนั้น แต่ขอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นผู้ให้คำตอบเองในวันที่ 28 ก.พ.ต่อไป และขอให้มั่นใจใจการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนกรณีที่พยานหลักฐานหายไปจากโต๊ะพนักงานสอบสวนนั้น พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า จะต้องดำเนินการตรวจสอบให้จนสุดทางว่าคืออะไร ส่วนจะมีคนในเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ยังไม่ทราบ แต่ถ้ามีหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องไปถึงใครก็ต้องเอาหมด แต่ถ้าไม่มีก็เป็นเรื่องสุดวิสัย อย่างไรก็ตาม กรณีมีการนำข้อมูลในสำนวนคดีออกมาเปิดเผยทาง บช.ก.การทำงานอาจจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ เพราะไม่ทราบว่าใครเป็นฝ่ายใด และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อชุดทำงานไปด้วย
"ครูปรีชา"แนะสื่อหาคำถามใหม่บ้าง
เช้าวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 143/22 ซ.ทุ่งนา 5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อพบนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน ก่อนที่นายปรีชา จะเดินทางไปโรงเรียนเพื่อสอนหนังสือตามปกติ โดยเมื่อครูปรีชา พบสื่อมวลชนก็ได้แจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ทางผู้บริหารของโรงเรียนไม่ให้ข่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่โรงเรียนอีกแล้ว ดังนั้น ต้องขออนุญาตไม่ให้สื่อไปทำข่าวที่โรงเรียนอีก เพราะเกรงจะกระทบการเรียนของเด็กๆ ซึ่งสื่อมวลชนต่างก็เข้าใจ
ครูปรีชา กล่าวว่า ประเด็นในวันนี้ขอฝากผู้สื่อข่าวที่เป็นสื่อกลางให้ไปถาม ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ให้หน่อยว่า วันนี้ นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ได้รับการแจ้งความจาก ร.ต.ท.จรูญ ว่า ขายลอตเตอรี่ 30 ล้าน เกินราคาให้ครูปรีชา สรุปแล้วก็อยากจะฝากไปถามนิดหนึ่งว่า ลอตเตอรี่เป็นของใคร เพราะทางฝ่ายโน้นได้แจ้งความว่า เจ๊บ้าบิ่น ได้ขายลอตเตอรี่เกินราคาให้ครูปรีชา ครูขอฝากถามแค่ประเด็นเดียว
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นของคนที่ชื่อ เจ๊กุ้ง ซึ่งครูปรีชา ได้ตัดบทว่า ประเด็นของเจ๊กุ้ง ครูได้ตอบไปแล้วเมื่อวานนี้ว่าครูไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อเจ๊กุ้ง แต่เมื่อดูข่าวนิดหนึ่งก็เห็นเดินเป็นเงาๆ อยู่ แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร จากการที่ได้คุยกับทางทนายก็บอกให้รอทางกองปราบปรามได้ทำการสรุปสำนวนก่อนแล้วค่อยมาว่ากันในภายหลังวันที่ 28 ก.พ.นี้ และหลังจากนี้ครูของดการให้ข่าวที่โรงเรียนอีกต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมครูต้องไปทำการอายัดบัญชีหมวดจรูญ เพราะเมื่อครูปรีชาชนะคดีก็จะได้เงินอยู่แล้ว ซึ่งครูปรีชา ตอบว่า ครูไม่ใช่นักกฎหมาย ทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบจากทนายความ เพราะเราไม่ได้เป็นนักกฎหมาย มาถามครู ครูก็ตอบไม่ได้ หลังจากให้สัมภาษณ์สื่อแล้วเสร็จ ครูปรีชา จึงขอตัวไปโรงเรียน ระหว่างนั้นสื่อได้พยายามสอบถามถึงกรณีที่ว่า หลังจากวันที่ 28 ก.พ.ไปแล้ว ถ้าทางกองปราบปรามสรุปว่าลอตเตอรี่เป็นของหมวดจรูญ ครูจะยอมรับหรือไม่ จากคำถามดังกล่าว ครูปรีชา ได้บอกสื่อว่า เกิน 1 คำถามแล้ว และครูปรีชา ได้เดินไปขึ้นรถยนต์กระบะทันที
แต่สื่อมวลชนก็ยังคงใช้ความพยายามในการซักถาม และได้ถามอีกว่า หากศาลตัดสินออกมาว่าลอตเตอรี่เป็นของ หมวดจรูญ ครูปรีชา จะยอมรับหรือไม่ ครูปรีชา ได้ลงมาจากรถยนต์พร้อมกับตอบว่า เมื่อศาลตัดสินแล้วใครล่ะจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล นักข่าวเองหากมีคดีแล้วเมื่อศาลตัดสินออกมา นักข่าวจะยอมรับหรือไม่ ซึ่งครูปรีชา บอกต่อสื่อว่าอย่าคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า และคำถามนี้นักข่าวถามบ่อยมาก ดังนั้น ขอให้ไปหาคำถามใหม่ๆ มา
"อัจฉริยะ"ลั่นพร้อมขอขมา"ครูปรีชา"
รายงานข่าวแจ้งกดเดวยว่า เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่าสนมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในคดีหวย 30 ล้านบาท ที่มีปัญหาระหว่างนายปรีชา ใครครวญ กับ ร.ต.ท.จรุญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มีคำสั่งย้าย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เนื่องจากมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 61 หลัง บช.ภ.7 ที่ออกมาแถลงเรื่องหวย 30 ล้าน ซึ่งแย้งกับความรู้สึกของคนไทยส่วนหนึ่ง ทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จึงต้องออกมาชี้แจ้งขอเท็จจริงเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 61 โดยการเสนอคลิปภาพ เอกสารหลักฐานต่างๆ รวมทั้งส่งทีมงานลงพื้นที่ด้วย ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 2-28 พ.ย. 60 ซึ่งทางชมรม ได้ให้โอกาสแก่ ครูปรีชา ใคร่ครวญ เป็นเวลา 3 วันเพื่อกลับตัวกลับใจ แต่กลับไม่รับโอกาสและท้าทายว่ามีทีเด็ด รอขึ้นศาลอย่างเดียว ซึ่งครูปรีชา ได้ออกมาพูดว่าถ้าตนเองถูกหวย 30 ล้านจริงใครจะรับผิดชอบ หากวันที่ 28 ก.พ. 61 ที่จะมีแถลงข่าวในคดีนี้แล้วผลสรุปออกมาว่า ครูปรีชา เป็นเจ้าของหวย 30 ล้าน ทางชมรมยินดีที่จะนำดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา พร้อมยุติบทบาทประธานชมรมและปิดชมรมเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี