วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ศาลได้มีคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ทัวร์ศูนย์เหรียญที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินของ นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี, นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี, นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี, บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด, บริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท รอยัลไทย เฮิร์บ จำกัด, บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด, บริษัท รอยัล พาราไดซ์ จำกัด, น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี, นายโอฬาร โรจน์รุ่งรังสี และ นายชาติชัย โรจน์รุ่งรังสี ผู้คัดค้านที่ 1-11 ผู้บริหาร และสถานประกอบกิจการทัวร์ศูนย์เหรียญ ประกอบด้วย เงินฝากในบัญชีธนาคาร 76 รายการ ราคาประเมิน 3,654,697,354.46 บาท, เงินวางประกันซื้อขายทองคำแท่ง เงินฝากในบัญชี และหุ้นกับเงินคงเหลือในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ 7 รายการ ราคาประเมิน 203,031,134.87 บาท พร้อมดอกผล ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจาก ปปง. ได้ตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของ บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด กับพวกพบว่า มีพฤติการณ์กระทำผิด เป็นอั้งยี่ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 3 (10) จึงได้มีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำผิดของ ผู้คัดค้าน ไว้ชั่วคราว กับการประกอบกิจการนำนักท่องเที่ยวจากจีน เข้ามาในไทย ในราคาต่ำกว่าทุนหรือ"ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ที่มีรายได้จากเงินค่าตอบแทนลูกทัวร์ซื้อสินค้า ราคาสูงกว่าความเป็นจริง
ผู้คัดค้านให้การปฏิเสธว่า ไม่มีพฤติการณ์กระทำผิด และไม่ได้รู้เห็นเรื่องการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่น โดยผู้คัดค้านให้เช่ารถบัสโดยสาร และจำหน่ายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว และผู้คัดค้านก็ไม่เคยถูกนักท่องเที่ยวหรือหน่วยงานของรัฐร้องเรียน ตักเตือน หรือลงโทษตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ
ตามทางไต่สวนเห็นว่า ผู้ร้องมีพยานเพียง 3 ปากเบิกความเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของ บริษัท ฝูอันฯ และบริษัทซินหยวน ฯกับกลุ่มผู้คัดค้าน แต่พยานเหล่านั้นก็ไม่ได้ลงไปตรวจสอบการดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง อีกทั้งไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยวแต่อย่างใด แม้ผู้ร้องจะมีเอกสารอ้างว่ามีการร้องเรียนผ่านสถานทูตจีนประจำประเทศไทย แต่เอกสารดังกล่าวก็เป็นเพียงการสรุปจำนวนและประเภทข้อพิพาทของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งไม่เกี่ยวกับกลุ่มของผู้คัดค้านแต่อย่างใด ส่วนเอกสารต่างๆที่ตำรวจยึดได้จากการตรวจค้นก็ไม่ปรากฏว่ามีเอกสารใดเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมาย พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมาจึงฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านร่วมกันหรือกระทำการบังคับขู่เข็ญกำหนดเส้นทางนำเที่ยว และให้พานักท่องเที่ยวไปซื้อสินค้าในร้านค้าที่กำหนดที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของอัยการ และให้คืนทรัพย์สินทั้งหมดแก่ผู้คัดค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอัยการผู้ร้องยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้อีกภายใน 30 วันนับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา คือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561
สำหรับคดีอาญาที่ศาลอาญา เคยพิพากษายกฟ้องพวกจำเลยไว้เมื่อ ปี 2560 นั้นอัยการได้ยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งขณะนี้คดีอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี