"ศรีวราห์"นั่งหัวโต๊ะถกคดีเปรมชัยฆ่าเสือดำเตรียมแจ้งข้อหาผิดพ.ร.บ.อาวุธปืนเพิ่มอีก ยอมรับตรวจไม่ได้ว่า เสือดำถูกยิงจากปืนลูกซองกระบอกใดแต่มีหนึ่งในปืนของกลางพบตัวอย่างดีเอ็นเอของเจ้าสัวนักล่า จับตาให้ดีพบคลิปต้นฉบับคดีติดสินบนโดนลบ ทางปปป.ต้องขอจากสื่อไปเป็นหลักฐานแทน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 ก.พ.61 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เรียกประชุมพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกในคดีลักลอบล่าสัตว์ยิงเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในวันนี้ได้มีการนำปืนยาว 6 กระบอก ที่ได้จากการตรวจยึดจากบ้านพักของนายเปรมชัย จากจำนวนทั้งหมด 43 กระบอก ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นปืนที่ครอบครองโดยผิดกฎหมาย มีการเปลี่ยนแปลงเลขทะเบียนปืน และเป็นปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกทะเบียนให้ได้ จึงจะแจ้งข้อผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน กับนายเปรมชัยเพิ่มเติม
ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยว่า ผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ของกลางของนายเปรมชัย และพวกได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ นำไปประกอบสำนวนคดี
อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจพิสูจน์ว่าเสือดำถูกยิงจากปืนลูกซองกระบอกใดนั้น ไม่สามารถทำได้แต่มีหนึ่งในปืนลูกซองของกลาง ที่พบตัวอย่างดีเอ็นเอของนายเปรมชัย
นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร.ยังกำชับให้นำโทรศัพท์มือถือของนายเปรมชัยและพวกรวม 4 คน ที่ยึดได้หลังเข้าจับกุม ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจสอบข้อมูลและรูปภาพในโทรศัพท์ เพื่อนำมาประกอบสำนวนด้วย
ขณะที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายเปรมชัยมาให้ปากคำในวันที่ 5 มี.ค.หลังที่ทนายความขอเลื่อนให้ปากคำครั้งก่อนโดยอ้างว่าติดธุระสำคัญ ซึ่งคาดว่าสำนวนคดีจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 24 มี.ค.ตอนนี้เหลือเพียงการสอบปากคำผู้ต้องหา พยานและรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์บางส่วนเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (รอง ผบก.ปปป.) กล่าวว่า เดิมทีเจ้าหน้าที่ได้มีการนัดหมายกับ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เพื่อขอให้นายวิเชียร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการที่มีคลิปเสียงต่อรองขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนายเปรมชัยก่อน และเมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้ว จึงจะทำการสอบปากคำฝ่ายนายเปรมชัย ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน โดยได้นัดหมายครั้งแรกคือวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่นายวิเชียร ขอเลื่อนออกไป เนื่องจากติดราชการ และได้มีการนัดหมายกันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 7 มี.ค.ที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งการสอบปากคำ จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย หรือนิติกร ของกรมอุทยานฯมาร่วมรับฟังด้วย
นอกจากนี้ พบว่าคลิปเสียงที่ถูกนำไปเผยแพร่นั้น เจ้าหน้าที่ได้ลบไปแล้ว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ปปป.จำเป็นจะต้องส่งหนังสือไปขอความร่วมมือจากที่วีช่องต่างๆ ที่ได้นำคลิปเสียงไปเผยแพร่ เพื่อนำคลิปดังกล่าวไปพิสูจน์ว่า เป็นเสียงของใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่นายวิเชียร เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายเปรมชัย กรรณสูตร เพิ่มอีก 1 ข้อหา รวมเป็น 10 ข้อหา คือ ข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้มีหมายเรียกไปถึงนายเปรมชัยให้มารับทราบข้อกล่าวหาครั้งแรกภายใน 12 วัน และวันนี้วันที่ 23 ก.พ.จะครบกำหนด 12 วัน และต่อมาทนายความส่วนตัวของนายเปรมชัย ได้ประสานมาขอเลื่อนเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม หากภายในวันนี้ (23 ก.พ.) นายเปรมชัย ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จะส่งหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.61)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รอง ผบก.ปปป.เปิดเผยว่า คลิปเสียงดังกล่าวถูกลบ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงจาก นายวิเชียร ชิณวงษ์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โดยสัญญาณโทรศัพท์ได้ตั้งระบบฝากข้อความเอาไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี