25 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 7 บ้านพนมทอง ต.ห้วยเม็ก อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามการรักษาคนไข้ด้วยการนวดเท้าไฟ โดยเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้กลายเป็นข่าวใหญ่สุดทึ่งฮือฮากันทั้งประเทศมาแล้ว และในปัจจุบันหมอนวดเท้าไฟชื่อดัง นายสุพันธุ์ หารปราบ อายุ 64 ปี หน้าตาสดใส พูดคุยทักทายคนไข้ด้วยอัธยาศัย เป็นคนอารมณ์ดีไม่เปลี่ยนแปลงขะมักเขม้นใช้เท้าทั้ง 2 ข้างเหยียบจอบเผาไฟสลับไปมา เพื่อรักษาคนไข้ที่มารอคิวจำนวนมากตลอดทั้งวัน
โดยศาลากระท่อมขนาดเล็กกะทัดรัด จัดสัดส่วนพื้นที่มีหิ้งบูชาครูอาจารย์ศาสตร์การนวดตามความเชื่อ อีกส่วนเป็นสถานที่ใช้รักษาคนไข้มีที่นอน หมอนและผ้าคลุม ใกล้ๆกันมีน้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว ด้านบนมีราวไม้ไผ่พาดสำหรับใช้จับประคองการทรงตัวในเวลาใช้เท้าไฟเหยียบรักษาคนไข้ ขณะที่ด้านล่างมีจอบเผาไฟด้วยเตาอั้งโล่รอบริการรักษาคนไข้ ที่แวะเวียนมาตลอดทั้งวัน
ขณะที่ค่ารักษานั้น หม่อจ่อยให้จ่ายตามกำลังศัทธาไม่เรียกเก็บ และขอหยุดทุกวันพระเพื่อเปิดทำการรักษาพระภิกษุสงฆ์และเข้าวัดเพื่อทำบุญ สวดมนต์ การรักษาที่แปลกพิสดารจนน่าทึ่งด้วยการใช้เท้าเหยียบจอบที่เผาไฟร้อนๆ แล้วมาเหยียบนวดตามร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งเท้าหมอนวดจะสลับเหยียบจอบซ้ายขวาไปมา ที่สำคัญหมอนวด เจ้าของฉายา หมอจ่อยเท้าไฟ ไม่แสดงอาการปวดแสบร้อนเท้าทั้งสองข้างแม้แต่นิดเดียว
หมอจ่อย กล่าวว่า เดิมเป็น อสม. ชอบศึกษาหาความรู้เรื่องสมุนไพร ได้เรียนวิชานวด จับเส้น และเปิดนวดบริการในชุมชนขณะเดียวกันพระครูมงคลสิทธิ์ (นิน ฐิตะธมมฺโม) เจ้าคณะตำบลห้วยเม็กได้เมตตาสอนวิชาสุมนไพรพื้นบ้าน และการนวดเจ็บเส้น เอ็น กระดูก จนมีความเชี่ยวชาญ และส่งไปร่ำเรียนเพิ่มเติมวิชาเท้าไฟที่จ.มหาสารคาม จนถึงตอนนี้ได้รักษาคนไข้ในอาการต่างๆ มานานกว่า 34 ปี ใช้จอบเผาไฟรักษาคนหมดไปกว่า 10 อัน คนไข้จากปกติมาวันละหลายสิบคนจนต้องลดจำนวนรักษาต่อวันเหลือ 15 คน เพราะอายุเริ่มมากขึ้น อีกทั้งอยากรักษาคนไข้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะวันพระจะงดรับรักษาประชาชนทั่วไปแต่จะให้การรักษาพระภิกษุสงฆ์ และเข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ เป็นวัตรปฎิบัติเช่นนี้มาโดยตอด โดยขั้นตอนการรักษาจะเริ่มต้นจากการนวดคนไข้ด้วยน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงาที่ทำขึ้นเอง จากนั้นจะใช้เท้าเหยียบจอบที่เผาไฟร้อนๆแล้วเอาเท้านั้นมานวดตามร่างกายส่วนต่างๆ ส่วนที่ว่าร้อนเท้าไหมนั้น ตั้งแต่วันแรกที่เรียนจนถึงตอนนี้เหยียบจอบไม่รู้สึกร้อนใดๆ เพราะร่ำเรียนมามีคาถาที่สืบทอดต่อจากครูอาจารย์ และทำไมต้องเป็นจอบ ที่ใช้มาเผาไฟรักษาคนไข้ก็เพราะจอบจะช่วยขุดอาการเจ็บป่วย ปวด ที่ทนทุกข์ทรมานมานานให้หายไป
“หลังจากที่เป็นข่าวฮือฮาดังไปทั่วประเทศเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยจากโรคปวดตามตัว กระดูก เส้นเอ็น แห่มารับการรักษาจำนวนมากบางรายเดินทางมาไกลถึงตี 2-3 เราก็เปิดรักษา อีกทั้งรายการโทรทัศน์ รายการข่าวก็เดินทางมาถ่ายทำไม่ขาดสายจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นที่รู้จักมีประชาชนที่เป็นคนไข้ประจำมารับการรักษาต่อเนื่องรวมถึงคนไข้ใหม่ทุกอาชีพทุกระดับเดินทางมารับการรักษาที่ยังคงการรักษาในมาตรฐานเดิมน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา ส่วนประกอบสำคัญของการรักษาต้องทำขึ้นเอง ขณะที่การเหยียบรักษาจะใช้เวลา 45 นาที ถึง 1 ชม. โดยจอบที่เผาด้วยไฟร้อนๆ จะเริ่มตั้งเตาตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของทุกวันถ่านไม้เนื้อดีจะถูกเติมเพื่อเพิ่มความร้อนตลอดทั้งวันจนกระทั่งเสร็จสิ้นการรักษาก็จะดับไฟให้มอดลงเป็นอยู่เช่นนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน” หมอจ่อย กล่าว
หมอจ่อย กล่าวอีกว่า คนที่เข้ามารับการรักษาในยุคนี้อาการป่วยไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก เช่นกลุ่มปวดเรื้อรัง เจ็บปวดตามข้อ กระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น จากอุบัติเหตุ และการทำงานหนัก ขณะเดียวกันโรคที่พบใหม่อย่างกระทับเส้นประสาท มีคนป่วยหลายคนที่จะต้องผ่าตัดเมื่อรักษาไปเพียงครั้งเดียวก็หายขาดไม่ต้องไปผ่าตัดเลย หลายคนอาจจะไม่เชื่อแนวทางการรักษาแบบพื้นบ้านตามตำราครูอาจารย์ ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลบ้างก็มีมาท้าทายลองของเราก็นวดให้ตามปกติ เพราะคิดว่าคิดดีทำดีเป็นที่ตั้งเราก็ไม่มีภัยใดๆ อย่างไรก็ตามในตอนนี้อยากได้คนรุ่นใหม่มาเรียนรู้วิชาการนวดให้สืบทอดต่อจากตน เพราะอายุที่มากขึ้นแต่คนไข้มารักษายังเยอะขึ้นทุกๆปี เป็นไปได้หากตั้งจิตตั้งใจดีก็พร้อมจะสอนวิชาให้เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาคนไข้ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากร่วมทำบุญเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
นางสาวสุจิตรา ภักดี อายุ 31 ปี เป็นคนในพื้นที่ ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก เดินทางจาก กทม. มาเพื่อรับรักษา หลังไปที่โรงพยาบาลตรวจร่างกายจากการเจ็บปวดทรมานที่บริเวณกระดูกสันหลัง ชาตัวซีกซ้าย ล้มหมอนนอนเสื่อเกือบ 1 ปี ก่อนจะมารับการรักษากับหมอจ่อยอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 2 อาการปวดหายไปอย่างปลิดทิ้ง จนไม่ต้องเข้าผ่าตัดจากโรคกระดูกทับเส้นประสาท แต่ถ้าว่างก็จะเดินทางมาให้หมอจ่อยเหยียบตามร่างกายให้ตลอด ปีละ 3-5 ครั้ง
นางสาวสุจิตรา ภักดี กล่าวว่า อาการปวดกำเริบอย่างหนักเมื่อประมาณปี 59 ถึงขั้นลุกเดินไม่ได้ลำบากถึงแม่ ญาติพี่น้องต้องมาดูแลช่วยประคับประคองเข้าห้องน้ำ หรือเดินไปไหนมาไหน ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่ง กิน ยาสามัญหลายแขนงก็ไม่ดีขึ้น กลับทำให้อาการปวดเพิ่มมากขึ้นจนซีกซ้ายเริ่มชาไม่รู้สึกหมอที่ดูแลอาการแนะนำให้ผ่าตัดเพราะกระดูกทับเส้นประสาท เลยเกิดลังเลเพราะกลัวการผ่าตัดจนเพื่อนได้แนะนำให้มานวดกับหมอจ่อย จึงเดินทางกลับบ้านเกิดและมารับการรักษากับหมอจ่อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี