บรรยากาศรอบวัดป่าปฐมชัยยังคงปกติหลัง 6 สาวที่ถูกกล่าวหาเป็นเมียพระนิพนธ์ เข้าร้อง ปอท.ดำเนินคดีกับผู้ที่ป้ายสีใส่ความ ขณะที่ชาวบ้านยังไม่เชื่อพระนิพนธ์สึกจริง ด้านตำรวจนครปฐมยังมึนยังไม่ทราบแหล่งกบดานสมีนิพนธ์ ส่วนคดียักยอกทรัพย์ 1 ใน 6 สาวที่เข้าร้อง ปอท.กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนสืบสวน
ความคืบหน้ากรณีอดีตพระครูภาวนา โสภิต หรือ พระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป หรือสมีนิพนธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย ม.3 ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม ถูกร้องเรียนต่อคณะสงฆ์ในบังคับบัญชาสายธรรมยุตว่ามีพฤติกรรมเสพเมถุน มีเมีย และยักยอกทรัพย์ จนเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาได้มีหญิงสาวทั้งหมด 6 คนจากใน 7 คนที่ถูกระบุว่าเป็นเมียของสมีนิพนธ์ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.สมบัติ สมบัติโยธา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.เพื่อนำเอกสารหลักฐานมามอบเพิ่มเติมให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่กล่าวหาผู้เสียหายทั้ง 6 คนว่าอดีตพระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดชื่อดังสายวัดป่าในจังหวัดนครปฐม มั่วสีกา จนสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับผู้เสียหาย
ล่าสุดวันนี้ (3 มี.ค.) บรรยากาศบริเวณวัดป่าปฐมชัย ยังคงสงบเงียบมีพระและแม่ชีคงปฏิบัติกิจตามปกติไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด หลังจากที่พระปฐมคณาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม สายธรรมยุต ได้สั่งการให้คณะสงฆ์ผู้ทำการสอบสวนประสานงานกับสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและเร่งทำการเข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดป่าปฐมชัย หลังจากมีข่าวออกมาว่าพระทองคำทั้งหมด 8 องค์ได้หายไป ขณะที่ทางวัดยังยืนยันว่าพระทองคำทั้ง 8 องค์ยังอยู่ในวัดป่าปฐมชัยไม่ได้สูญหายไปไหน แต่ทางวัดกลับไม่ยอมให้เข้าไปพิสูจน์ว่าพระทองคำทั้ง 8 องค์อยู่ครบจริงหรือไม่
ส่วนบรรยากาศรอบๆ วัดเช้าวันนี้ ได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเข้ามาสอบถามความคืบหน้ากับผู้สื่อข่าว พร้อมกับให้ข้อมูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าพระนิพนธ์ ยังไม่น่าจะสึกจากความเป็นพระ น่าจะหลบหนีไปอยู่ที่อื่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วัดนี้สร้างมาชาวงแรกชาวบ้านรอบวัดก็เข้าไปทำบุญกันบ่อย แต่มาช่วงหลังชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เข้าไปทำบุญกันแล้ว เนื่องจากบางคนพบพฤติกรรมแปลกๆ เกี่ยวกับสีกา นอกจากนี้ชาวบ้านไม่ค่อยชอบพฤติกรรมแม่ชีในวัด เพราะมองว่าเขาชอบคนรวยที่มาทำบุญ เวลาจะเข้าวัดก็จะจับตามอง ส่วนกระแสข่าวมั่วสีกานั้นชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากหลายคนเคยเห็นพฤติกรรมพระเข้าไปอยู่ในกุฎิกับหญิงสองต่อสอง และเคยถูกพระนิพนธ์ จับมือและตีก้นมาแล้ว
ขณะที่ชาวบ้านคนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ที่เคยขายที่ดินให้กับวัดป่าปฐมชัยสร้างวัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ขายที่ดินให้เมื่อ 7 ปีก่อนจำนวน 8 ไร่ในราคาไร่ละ 1 ล้านบาท และได้ยกให้วัดอีก 2 งาน ซึ่งก็ได้เห็นว่ามีแม่ชี ผู้หญิงติดตามมาตั้งแต่ก่อสร้างวัดและเมื่อเห็นความไม่เหมาะสมตั้งแต่ตอนยังสร้างวัดไม่เสร็จตนก็ตัดสินใจไม่เข้าวัดอีกเลย และตลอดระยะเวลากลางคืนบ่อยครั้งที่ เห็นรถยนต์สีขาวแบบ SUV มีผู้หญิงขับจะออกจากวัดเวลาประมาณตี 2 ตี 3 ทุกวันวนเข้าออก แต่หลังจากมีมั่วสีกาเกิดขึ้นรถคันดังกล่าวก็หายไป
"ผมเองก็ไม่เข้าวัดนี้ เพราะหลังจากขายที่ให้วัดแล้วยังไม่ทันเท่าไรเข้าก็ขับไล่ให้รีบออกไปจากที่ดินทันที" อดีตเจ้าของที่ดินกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.เศรษฐวัฒน์ พิเนตรบูรณะ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครปฐม ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านทางทางโทรศัพท์ถึงความคืบหน้าการติดตามตัวพระปลัดนิพนธ์ มาดำเนินคดีว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว แต่ยังไม่พบเบาะแสว่า พระปลัดนิพนธ์ หลบหนีกบดานไปอยู่ไหน
ส่วนกรณีที่ น.ส.บี (นามสมมติ) ถูกแจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์เป็นรถยนต์ของญาติโยมภายในวัด ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองนครปฐม ไว้ก่อนหน้านั้นตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน
สำหรับกรณ๊ที่ปรากฏภาพมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตรนายหนึ่ง ยืนจดบันทึกรายการสิ่งของที่ใส่ถุงดำในท้ายรถกระบะของศิษย์สาวที่มีข่าวว่าตกเป็นเมียพระปลัดนิพนธ์ ออกจากวัดป่าปฐมชัยนั้น พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว หากรับทราบจะสั่งการตรวจสอบทันที
ส่วนผู้ที่จะถูกหญิงสาวทั้ง 6 คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียพระปลัดนิพนธ์และได้เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรมต่อ ปอท.เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาฟ้องร้องนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง เนื่องจากหญิงสาวทั้ง 6 ยังไม่ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี