"น.ส.บี" เปิดใจไม่ได้เป็นเมียพระตามที่ถูกป้ายสี แฉเรื่องที่เกิดขึ้นอาจมาจากผู้หญิง 2 คนที่ขายประกันและแอร์ฯ ที่เข้าไปร้องเรียนต่อสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อตุลาคมปี 60 ก่อนหายหน้าไปจากวัด ยันพระทองคำ 8 องค์ยังอยู่ครบ ส่วนเงิน 250 ล้านพระอาจารย์ ไม่ได้เอาไปด้วยและไม่มีอยู่จริง
วันนี้ (3 มี.ค.) น.ส.บี (นามสมมติ) 1 ใน 7 ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียพระครูภาวนา โสภิต หรือ พระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ออกมาเปิดเผยกับทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ถึงกรณีที่มีผู้เข้าไปร้องเรียนว่าพระนิพนธ์ หรือสมีนิพนธ์ มีการเสพเมถุนและยักยอกทรัพย์โดยมีเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากผู้หญิง 2 คนที่ไปยื่นเรื่องกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 หลังจากนั้น 2 คนดังกล่าวก็ไม่ได้เข้าวัดอีกเลย ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่ต่อมาก็เกิดเรื่องอย่างที่เป็นข่าว จนทำให้พระอาจารย์ต้องสึกออกจากวัดไป
"การที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็น 1 ใน 7 ผู้ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้นั้น ตอนทราบเรื่องตนรู้สึกโกรธมาก เพราะในขณะที่อยู่ในวัด ตนหน้าที่สอนธรรมะและหลักคำสอนให้กับเด็กๆ การกระทำเช่นนี้เหมือนเป็นการทำลายความรู้ทางพระพุทธศาสนา และมีเจตนาที่จะทำลายพระอาจารย์ด้วยซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งที่ออกมาพูดว่ามีการขัดกันของผลประโยชน์ ยักยอกทรัพย์สิน มีการดื่มสุรา และเสพยาเสพติดในวัดนั้นตนขอยืนยันว่ามันไม่ใช่ความจริง"
"แต่อย่างไรก็ต้องสารภาพว่าเหตุการณ์จากคลิปที่มีการนำเครื่องดื่มของมึนเมาเข้ามาภายในวัดจริง แต่ผู้หญิงที่เป็นแอร์โฮสเตสและผู้หญิงที่ขายประกัน สองคนนี้เป็นคนนำเข้ามา ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ซึ่งตนไม่ได้ผิดใจกับทั้งสองคนเลย นอกจากนี้ มีคนบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือเปล่า ซึ่งตนก็ไม่ทราบ แต่ที่อยากรู้ว่าทำไปเพื่ออะไรเพราะในคลิปวันนั้นเห็นหน้าตนชัดมาก แต่กลับไม่เห็นหน้าของทั้ง 2 คนเลย เพราะจริงๆแล้ว ผู้หญิงที่เป็นคนขายประกันเป็นคนถ่ายคลิป ให้เห็นหน้าตนและพยายามถ่ายให้เห็นขาของหลวงพ่อด้วย เหมือนพยายามทำให้คนเห็นว่ามีการมั่วสุมภายในวัด"
น.ส.บี กล่าวต่ออีกว่า ผู้หญิงที่เป็นแอร์โฮสเตส เข้ามาในวัดมาในนามของผู้ปฏิบัติธรรมกว่า 5-6 ปี ต่อมาผู้หญิงที่ขายประกันก็มาขออาศัยที่วัดและขอให้อย่าบอกใครว่ามีปัญหากับทางบ้าน และระหว่างที่เข้ามาอยู่ในวัดนานกว่า 1 ปีนั้นไม่มีใครรู้ว่าเขามีห้องอยู่ในวัด เพราะทุกคนนึกว่าเขาไปเช้าเย็นกลับ จากนั้นผู้หญิงทั้ง 2 คนก็สนิทกัน และเข้าขากันมากขึ้น ซึ่งช่วงหลังๆ มีการขัดแย้งกันในบางเรื่องโดยมีบางเรื่องที่ไม่เห็นด้วย ในบางเรื่องจนทำให้พระอาจารย์ต้องออกมาดุ และกล่าวตักเตือน จึงเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาอาจจะโกรธหรือไม่พอใจพระอาจารย์ที่ออกมาตักเตือนและห้ามปรามในบางเรื่อง แต่พอมีการดสนอข่าวออกมา มีคนบอกว่าผู้หญิงที่เป็นแอร์โฮสเตสไม่สามารถติดต่อได้
อย่างไรก็ตาม ตนอยากทราบว่าต้นเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากใคร แต่ลึกๆ คิดแล้วว่าน่าจะเป็นผู้หญิง 2 คนที่ไปยื่นเรื่องต่อ พศ. ทั้งนี้ ยืนยันว่าพระอาจารย์สึกไปแล้วไม่ได้เข้ามาภายในวัดอีกเลย ส่วนที่ชาวบ้านออกมาพูดว่าเห็นคนเข้ามาขนของของพระอาจารย์อกไป ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเห็นมาจากไหน ขอบอกไว้เลยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้ที่มีคนออกมาบอกว่าพระพุทธรูปทอคำทั้ง 8 องค์ได้หายไปจากวัดก็ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะพระพุทธรูปดังกล่าวยังประดิษฐ์สถานอยู่ภายในวัดภายใต้การดูแลขอหลวงปู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระอาจารย์จะนำพระออกไปด้วย เนื่องจากมีคนมาถวายให้กับพระอาจารย์ แต่พระอาจารย์ปฎิเสธและยกให้เป็นของวัดเพื่อที่จะให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้บูชา และทุกปีจะนำพระออกมาสรงน้ำในวันสงกรานต์ และตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวภายในวัดแล้ว
ส่วนเงิน 250 ล้านบาทนั้นพระอาจารย์ ไม่ได้เอาไปด้วยและเงินดังกล่าวก็ไม่มีอยู่จริง ไม่ทราบว่าผู้ที่กล่าวหาพวกตนไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน เพราะในขณะที่พระอาจารย์สึกออกจากวัด ลูกศิษย์ได้เรี่ยไรเงินมอบให้ท่านแค่ 15,000 บาท แถมยังเป็นหนี้อาคารที่ก่อสร้างภายในวัดอีก จนมีลูกศิษย์ช่วยเคลียร์หนี้ให้จนหมด จึงเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำนั้นท่านทำเพื่อวัดทั้งหมด ไม่ได้มีการกระทำเหมือนที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี