ศาลอาญาเริ่มใช้กำไลEMแล้ว2ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์-ยาไอซ์ ให้ประกันคนยากจน ยันศาลพิพากษาลดภาระค่าใช้จ่าย ส่วนผู้ค้ายารายใหญ่หมดสิทธิ
6 มี.ค.61 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายบุญชู ทัศนประพันธ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมคณะรองอธิบดี ซึ่งดูแลการประกันตัวผู้ต้องหาและจำเลย ร่วมกันแถลงข่าวและสาธิตการติดตั้งกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ที่ข้อเท้าผู้ต้องหารายที่ 2 ภายหลังจากได้เริ่มใช้กำไล EM แทนการใช้หลักทรัพย์ประกันตัว ตามโครงการของศาลนำร่อง 23 ศาล เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหารายที่ 2 เป็นชายอายุ 33 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษ คดีครอบครองยาไอซ์ 0.17 กรัม มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 4 ปี
โดย นายบุญชู เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานศาลยุติธรรมมีนโยบายการปล่อยชั่วคราวโดยใช้กำไล EM ในการติดตามตัว ศาลอาญาได้รับมอบกำไลมารวม 600 ชุด ซึ่งเริ่มใช้รายแรกไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์หรือรับของโจร แต่ผู้ต้องหามีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ ศาลจึงให้ยื่นหลักทรัพย์ 20,000 บาท และพิจารณาติดกำไล EM โดยไม่ได้จำกัดขอบเขตและพื้นที่ในการเดินทาง เพราะเห็นว่าลักษณะของผู้ต้องหาไม่มีท่าทีจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือเข้าพื้นที่ก่อเหตุ โดยปรากฏเพียงว่าแค่เดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน
ทั้งนี้ การพิจารณาว่าจะให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยรายใดได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยใส่กำไล EM นั้น เป็นดุลยพินิจของรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทั้ง 3 คน ซึ่งหลักพิจารณาคือ ผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นยากจน ไม่มีหลักทรัพย์ประกันหรือมีหลักทรัพย์เพียงบางส่วน หรือมีแนวโน้มว่าถ้าได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วอาจจะหลบหนี ขณะที่ผู้สวมใส่ก็ต้องเป็นผู้ที่ให้ความสมัครใจด้วย แต่หากผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นมีหลักทรัพย์เพียงพอ ก็เป็นการพิจารณาให้ประกันไปตามขั้นตอนปกติ โดยไม่ต้องสวมใส่กำไล
ส่วนการพิจารณาว่าจะกำหนดขอบเขตพื้นที่เดินทางของผู้สวมใส่กำไลหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาลที่อาจจะดูได้จากท้ายคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนว่า คัดค้านการประกันด้วยเหตุผลว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือจะหลบหนีหรือไม่
นายบุญชู กล่าวอีกว่า การใช้กำไล EM จะใช้ทั้งในชั้นฝากขังผู้ ชั้นพิจารณาคดีในชั้นศาล และเมื่อศาลพิพากษาแล้ว ก็สามารถใช้ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ แต่ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป ส่วนลักษณะความผิดที่จะใช้คือคดีอัตราโทษไม่เกิน 5 ปี หากคดีมีอัตราโทษเกิน 5 ปี จะใช้กำไล EM ประกอบกับใช้หลักทรัพย์ประกันด้วย แต่คดีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ปริมาณมากจะไม่พิจารณาใช้กำไล EM โดยในกลุ่มคดียาเสพติดหากใช้ก็จะเป็นคดีครอบครองไว้เพื่อเสพ ปริมาณเล็กน้อย ส่วนในกลุ่มผู้มีอิทธิพลนั้น ถ้ามีแนวโน้มจะหลบหนีก็อาจพิจารณาใช้กำไล EM ประกอบได้
"กลุ่มเป้าหมายเราต้องการให้คนจนที่ไม่มีหลักทรัพย์ หลักประกันมายื่นกับเราโดยใช้ EM เป็นหลัก ส่วนคนที่มีอัตราโทษสูงและมีแนวโน้มว่าจะหลบหนี หรือยุ่งเหยิง เราก็จะใช้ EM ประกอบการพิจารณา" นายบุญชู กล่าว และว่า การใช้กำไล EM เพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้รับสิทธิการปล่อยชั่วคราว และเข้าสู่กระบวนการตามวันนัด โดยไม่ทำให้การพิจารณาคดีสะดุดลงเพราะหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การใช้กำไล EM อยู่ในช่วงทดลอง ศาลอาญาจะประเมินผลทุกเดือน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมก็มีความประสงค์จะใช้กำไลนี้เยอะๆ เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำ และลดภาระในเรือนจำ
เมื่อถามว่า ระบบประเมินความเสี่ยงกับกำไล EM เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ นายบุญชู กล่าวว่า ระบบประเมินความเสี่ยงเป็นการประเมินโดยที่ไม่มีหลักประกัน จึงไม่เกี่ยวกับกำไล EM แต่เราสามารถนำมาใช้คู่กันได้ เพราะหากเราประเมินความเสี่ยงแล้วไม่มีเหตุจะหลบหนี เราก็ปล่อยชั่วคราวไป แต่หากประเมินแล้วยังมีความเสี่ยงที่จะหลบหนีอยู่บ้าง เราก็เอากำไล EM เข้ามาใช้ควบคู่กันได้ เรื่องนี้จึงมีความคล้ายกัน
เมื่อถามถึงความปลอดภัยของกำไล EM นายบุญชู กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศของศาลยุติธรรม กำไลนี้เป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัย สามารถกันน้ำ กันกระแทก ไม่สามารถตัดขาดได้ เพราะหากตัดขาดก็จะมีการแจ้งเตือนมาที่ศูนย์ควบคุม ส่วนกรณีที่เครื่องชำรุดเสียหาย เราก็จะพิจารณาดูว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ทำลายหรือชำรุดจากการใช้เอง ส่วนการชาร์จแบตจะใช้เพาเวอร์แบงค์ ถ้าเรานัดรายงานตัวแล้วไม่มาก็ถือว่าผิดเงื่อนไข อาจจะพิจารณาออกหมายจับและนำตัวมาขังโดยไม่ให้ใช้กำไล EM
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการแถลงข่าวได้มีการพาสื่อมวลชนไปดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมและติดตามการปล่อยชั่วคราว โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring Center) ซึ่งภายในห้องจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เรียงติดต่อกัน ปรากฏภาพแผนที่ระบุจุดพิกัดตาม GPS ของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้สวมใส่กำไล EM โดยศูนย์นี้ก็จะรับข้อมูลของผู้ต้องหาหรือจำเลยทั่วประเทศที่ได้ใช้กับศาลนำร่องทั้ง 23 ศาล ซึ่งปัจจุบันนี้มีรายงานว่า ได้มีการติดกำไล EM ให้กับผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้วประมาณ 5 - 6 ราย ประกอบด้วยศาลจังหวัดมีนบุรี 1 ราย ศาลอาญากรุงเทพใต้ 1 ราย ศาลอาญา 2 ราย และที่เหลือเป็นศาลจังหวัดนครปฐม
โดย นายชนุดม ปิติฤกษ์ เลขานุการศาลอาญา เปิดเผยว่า ศูนย์ควบคุม EM จะทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ถูกปล่อยชั่วคราว โดยใช้กำไล EM ซึ่งทางศูนย์จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด ทั้งนี้เมื่อผู้ต้องหาเริ่มสวมกำไล ก็จะมีสัญญาณปรากฏที่ศูนย์ควบคุม EM ทันที จากการมอนิเตอร์เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ถูกปล่อยชั่วคราวอยู่ในพื้นที่ที่ศาลกำหนดไว้หรือไม่ ถ้าออกนอกพื้นที่หรือฝ่าฝืนคำสั่ง ตัวกำไล EM จะส่งสัญญาณมาทางศูนย์ควบคุมทุก 2 นาที เมื่อทางศูนย์ได้รับสัญญาณก็จะแจ้งไปยังศาลที่ออกคำสั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย จากนั้นหากพบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะประสานไปยังตำรวจจับกุมตัวมาเพื่อไต่สวนว่าเหตุใดจึงกระทำผิดเงื่อนไข EM ซึ่งศาลจะมีผู้พิพากษาเวรที่พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี