8 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิริธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พันเอกธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาตัดสินจำคุก นายมาหาดี มะลี ดังนี้
1. จากกรณีเหตุการณ์คนร้ายได้ลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ขณะทำการรักษาความปลอดภัย ขบวนรถคณะกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม (วท.กห.) เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 6 นาย เหตุเกิดบริเวณถนนสาย 418 ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา และต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการติดตามจับกุม นายมาหาดี มะลี มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิพากษาให้จำคุก นายมาหาดี มะลี เป็นเวลา 37 ปี 36 เดือน และให้ชำระค่าสินไหมทดแทน 2,500,000 บาท และจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ และต่อมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาคดีหมายเลขดำที่อ.32/59 คดีหมายเลขแดง ที่ อ.2496 /59 โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายมาหาดี มะลี จำเลย ความผิดเกี่ยวกับก่อการร้าย อั้งยี่ พ.ร.บ.อาวุธปืน และวัตถุระเบิดฯ, พยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฯลฯ โดยพิจารณาลงโทษจำคุก นายมาหาดี มะลี 33 ปี 20 เดือน และให้ชำระค่าสินไหมทดแทน 2,500,000 บาท
2. พฤติกรรม นายมาหาดี มะลี เป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีประวัติการก่อเหตุความรุนแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินมาแล้วหลายครั้ง และเคยถูกจับกุมมาแล้ว2 ครั้ง
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 เกี่ยวข้องอุปกรณ์ระเบิดที่ตรวจยึดในพื้นที่ ตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่5 มิถุนายน 2557ยังไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่ฟ้องได้จึงปล่อยตัวไป
ครั้งสอง ก่อเหตุระเบิดขบวนรถคณะกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม (วท.กห.) บนถนนสาย 418 ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 ทำให้อาสาสมัครทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย จากการสอบสวนติดตามขยายผลจาก สารพันธุกรรม (DNA)ที่กล่องควบคุมระเบิดในที่เกิดเหตุตรงกับ นายมาหาดี จึงนำไปสู่การจับกุม และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล ดังกล่าว
การบังคับใช้กฎหมายตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งอยู่ในดุลยพินิจของศาล ซึ่งวินิจฉัยตามพฤติกรรมและพยานหลักฐานที่ทำให้ศาลเชื่อว่า ได้กระทำความผิดจริงจึงมีคำพิพากษาให้ลงโทษดังกล่าว โดยหวังว่าองค์กรจัดตั้งหรือกลุ่มที่ชอบแอบอ้าง ว่าเป็นนักปกป้องสิทธิคงไม่ออกมาต่อต้านหรือพยายามใช้กฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมาย ดังเช่นหลายๆกรณีที่ผ่านมา เพราะอาจทำให้สังคมเชื่อว่าเป็นกลุ่มกลับกลอก ที่ไม่เคยมีอุดมการณ์เพื่อประชาชนตามที่พยายามกล่าวอ้างแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี