ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Kanita Ouitavon” ชี้แจงรายละเอียดการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากวัตถุพยานคดีล่าสัตว์ป่าที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา โดยเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. อ้างว่า มีการตรวจพบดีเอ็นเอเสือดำที่มีดพก มีดอีโต้ และเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอผู้ใช้ได้ เพราะกรมอุทยานฯนำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อน ทำให้ไม่พบดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย
โดย ดร.กณิตา ระบุว่า การให้ข้อมูลลักษณะดังกล่าว เป็นการให้ข้อมูลที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้นในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสััตว์ป่าในคดีนี้ จึงขอชี้แจงดังนี้
1.กรมอุทยานฯ โดยหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ได้รับตัวอย่างวัตถุพยาน ซึ่งมีมีด 6 เล่ม และชิ้นส่วนของเขียงรวมอยู่ด้วย จาก สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งมีการระบุว่า ได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาเรียบร้อยแล้ว ในนั้นมีอุจจาระที่ตรวจแล้วว่าเป็นดีเอ็นเอของ นายเปรมชัย แต่มีการแจ้งความประสงค์ว่า ต้องการนำมาตรวจหาดีเอ็นเอสัตว์ป่าต่อ และต้องการให้หาว่ามีดีเอ็นเอของเสือดำอยู่ด้วยหรือไม่? โดยทางหน่วยฯได้รับตัวอย่างไว้ตรวจตามที่ร้องขอ จึงแสดงว่า กรมอุทยานฯ มิได้นำตัวอย่างวัตถุพยานดังกล่าวมาตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนแต่อย่างใด แต่เป็นการตรวจตามที่ฝ่ายตำรวจร้องขอและเป็นผู้นำมาส่งให้ หลังจากที่ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของมนุษย์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
2.ในเนื้อข่าวที่ระบุว่า มีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เจ้าหน้าที่ กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่แรก ทำให้ตรวจดีเอ็นเอบุคคลไม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้ว (อันนี้..เป็นคำกล่าวที่ตลกมากและไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดนะคะ คือไม่มีการใช้สารเคมีอะไรเลยค่ะ) ขอเรียนว่าทางหน่วยฯ ตรวจดีเอ็นเอจาก SWAB หรือก้านสำลีที่ทางตำรวจป้ายคราบเลือดมาให้เรียบร้อยแล้ว เพียงก้านเดียวก็พบดีเอ็นเอของเสือดำแล้ว ส่วนตัวมีดทั้ง 6 เล่ม ทางหน่วยฯเป็นผู้เก็บรักษาไว้ให้ (ตั้งแต่วันที่ได้รับมาคือวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ส่งคืนคือวันนี้ 9 มีนาคม 2561) โดยที่มิได้มีการแตะต้องที่ด้ามมีด หรือตัวมีดแต่อย่่างใด อีกทั้งยังใส่ถุงมือเวลาทำงาน ดังนั้นลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์ที่จะมีก่อนหน้านั้น จึงยังมิได้ถูกทำลายแต่อย่างใดค่ะ ซึ่งก็ได้ส่งคืนให้แล้วในวันนี้ ดังนั้นทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานก็สามารถนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ได้อย่างแน่นอนค่ะ
“คดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก ในท่ามกลางการสูญเสีย คือ ชีวิตที่กลับคืนมาไม่ได้ของเสือดำตัวนี้นั้น สิ่งที่เราได้กลับคืนมาอย่างเข้มแข็งในตอนนี้ คือ จิตสำนึกร่วมของประชาชนในการหวงแหนและอยากจะปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ดูบอบบางของชาติให้คงอยู่ตลอดไป ในฐานะที่ดิฉันก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีจิตสำนึกร่วมนี้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่คนตรวจดีเอ็นเอสัตว์ป่า ก็อยากจะเห็นความถูกต้อง ความยุติธรรม และการไม่บิดเบือนความจริงใดใด รวมทั้งก็อยากเห็นทุกท่านที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แม้แต่น้อยนึงก็ตาม ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจ อยากเห็นทุกคนช่วยกันแสดงออกเพื่อเป็นปากเสียงให้กับสัตว์ป่าผู้น่าสงสารที่ต้องมาตาย เพราะถูกมนุษย์ใจร้ายล่าอย่างแท้จริงค่ะ...ได้โปรดช่วยกันเพื่อให้เสือดำตัวนี้ไม่ตายฟรีนะคะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ดร.กณิตา ยังได้โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมถึงกรณีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า มีดที่ตรวจพบดีเอ็นเอของเสือดำ อาจไม่ใช่อาวุธทีค่ใช้ชำแหละเสือดำได้ ว่า “ที่ท่านกล่าวว่ามีดพก 2 เล่ม (คงหมายถึงมีดเหน็บหรือมีดเดินป่า) ที่ทางแล็บนิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ ตรวจพบดีเอ็นเอของเสือดำซึ่งเป็นเสือดำตัวเดียวกันแล้ว แต่ท่านคิดว่าไม่น่าจะใช่อาวุธที่ใช้ชำแหละเสือดำได้....ตรงนี้อ่านแล้วไม่ทราบและไม่เข้าใจจริงๆค่ะว่าท่านใช้หลักการใดในการสรุปเช่นนั้น? แล้วอะไรถึงจะใช้ชำแหละเสือดำได้คะ? อย่างไรก็ตาม ก็ขอเป็นคนหนึ่งที่อยากรอฟังผลการตรวจพิสูจน์และคำชี้แจงจากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเช่นเดียวกับประชาชนท่านอื่นเหมือนกันค่ะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี