ผบ.ตร.อ้างพนักงานสอบสวนขัดแย้งกรมอุทยานฯคดีเปรมชัยเป็นเรื่องธรรมดา ยืนกรานไม่เปลี่ยนตัว"ศรีวราห์" ด้าน"ดร."หน.นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าฯโพสต์เดือดตอกคืน"บิ๊กปู"ยืนยันไม่ได้ทำดีเอ็นเอผู้ต้องหาหาย แฉกลับกองพิสูจน์เอาหลักฐานไปตรวจก่อนส่งมาให้ภายหลัง ด้านรองผบ.ตร.รีบส่งจนท.ไปเคลียร์ก่อนบานปลาย
11 มี.ค.61 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าคณะทำงานสืบสวนคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีความขัดแย้งกับคณะทำงานของตำรวจ ว่า เป็นเรื่องปกติของการทำงานอยู่แล้ว แต่ต้องปรับการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ยืนกรานไม่เปลี่ยนตัว"ศรีวราห์"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนชุดคณะทำงาน ยังคงมอบหมายให้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานและรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ สำหรับการทำสำนวนคดี เชื่อว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ สามารถดำการเนินสืบสวนสอบสวนเป็นไปตามพยานหลักฐานที่พบ ส่วนตัวไม่มีความกังวลอะไร เพราะทำตามขั้นตอนของกฎหมาย
เตือนโซเชียลระวังโดนฟ้องกลับ
ส่วนมีผู้แสดงความหรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจทางสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่า ตำรวจทำคดีอย่างเต็มที่ การวิจารณ์การทำงานของตำรวจก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้า พล.ต.อ.ศรีวราห์ จะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็สามารถทำได้เพราะเป็นการปกป้องสิทธิ์ส่วนบุคคลดังกล่าว
"ดร."กรมอุทยานฯเดือดตอกบิ๊กปู
ขณะที่ ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หรือ ดร.กุ้ง หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Kanita Ouitavon" ชี้แจงรายละเอียดการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากวัตถุพยานคดีล่าสัตว์ป่าที่นายเปรมชัย กับพวก 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา เพื่อตอบโต้กรณีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่าพบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีดและเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ชัดเจน เพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนนั้น
แฉตร.ตรวจก่อนแล้วค่อยส่งมาให้
โดย ดร.กณิตา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวรอบที่สอง ว่า หลักฐานวัตถุพยาน ได้แก่ มีด จำนวน 6 เล่ม และชิ้นส่วนเขียง 1 ชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับคดีรายนายเปรมชัย กรรณสูต ที่ได้มีการส่งคืนให้กับตำรวจ บก.ปทส. แล้วเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561 เวลาประมาณ 17.20 น. (ส่งมอบคืน ณ หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า) เพื่อนำส่งต่อให้กับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพิ่มเติมละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
โดยเฉพาะในวัตถุพยานชิ้นที่ตรวจพบดีเอ็นเอของเสือดำ (จะเห็นว่าที่ซองบรรจุวัตถุพยานแต่ละชิ้นได้เขียนคำว่า "ตรวจแล้ว" ซึ่งหมายถึงผ่านการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์โดยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนหน้าที่จะส่งมาให้แล็บของกรมอุทยานฯ ตรวจพิสูจน์เพื่อหาดีเอ็นเอสัตว์ป่า)
"ศรีวราห์"เตรียมส่งจนท.เคลียร์ดร.กณิตา
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงกรณี ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช โพสต์ข้อความตอบโต้ยืนยันการตรวจสอบดีเอ็นเอสัตว์ป่าของกรมอุทยาน ไม่ได้ทำให้ดีเอ็นเอบุคคลในวัตถุพยานหายไป ว่า เบื้องต้นจะมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับทางกรมอุทยานฯ
อ้างไม่ได้พาดพิง-ตามทวงมีดกับเขียง
"ที่ผ่านมาผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของกรมอุทยาน และยังคงทำงานร่วมกันด้วยดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงรอผลการตรวจมีดและเขียง ที่ทางกรมอุทยานฯ จะออกเป็นรายงานทางการ เพื่อใช้มาประกอบสำนวนคดี ซึ่งเดิมกรมอุทยานฯ แจ้งว่าจะส่งให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาแต่ขณะนึ้ยังไม่ได้รับ โดยจะประสานขอกลับไปอีกครั้ง" พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุ
มั่นใจสรุปสำนวนทันภายใน24มี.ค.
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นภาพรวมของหลักฐานและสำนวนคดีเชื่อว่า แม้จะยังไม่ได้รับรายงานทางการเรื่องการตรวจมีดและเขียงจากกรมอุทยาน แต่หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ก็เพียงพอที่จะสรุปสำนวน เชื่อว่าทันวันที่ 24 มี.ค.นี้
"จนถึงขณะนี้คณะทำงานยังคงทำงานเรียบร้อยดี ไม่มีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหา มีแต่สื่อมวลชนและกระแสโซเชียล ที่คอยกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงอยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน เพื่อความรอบครอบของสำนวนคดี เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด ผู้ที่จะถูกฟ้อง คือ คณะทำงาน ไม่ใช่สื่อมวลชน สังคมโซเชียล" รอง ผบ.ตร.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี