14 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์ข่าวนคร 24 ช.ม. สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากนายวัฒนา สินธะ กรรมการสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช และ ผอ.สถานีวิทยุโมคลานเรดิโอ ว่า น.ส.คนางค์ทิพย์ ทองดี หรือ "น้องมุข" อายุ 15 ปี ซึ่งเรียนกำลังจะจบชั้น ม. 3 โรงเรียนราชประขานุเคราะห์ 8 บ้านหน้าทัพ อ ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ต้องการจะเรียนต่อในระดับ ปวช. แต่เนื่องจากฐานะทางครอบครัวยากไร้ อาศัยอยู่กับนายวีระ ทองดี อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นพ่อของน้องมุข โดยนายวีระ มีอาชีพรับจ้างทั่วไปรายได้วันละ 200-300 บ้าน ส่วนแม่พลัดตกจากต้นขี้เหล็กเป็นอัมพฤกษ์นอนติดเตียงนาน 8 ปี และเพิ่งเสียชีวิต จึงไม่มีปัญญาส่งให้เรียนต่อ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญผ่านทางสื่อมวลชนให้ยื่นมือเข้ามาช่วย น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือ น้องมุข ให้ได้เรียนต่อในระดับ ปวช.ด้วย
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของ น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือ น้องมุข พบว่าเป็นบ้านที่มีเฉพาะโครงสร้างเป็นปูนเก่า ๆ เปิดโล่งไม่มีประตู หน้าต่าง หลังคามุ่งกระเบื้องมีรอยแตกรั่วหลายจุด ในบ้านพบเสื้อผ้าเก่าๆ และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพียงไม่ชิ้นโดยมีพัดลมเก่า เตาแก๊สหุงต้ม ซึ่งได้รับการบริจาคมาจากวัดศาลาบางปูและจากเพื่อน ส่วนนายวีระ ยังไม่กลับเข้าบ้านเพราะไปรับจ้างแทงทะลายปาล์มนอกจากนี้พบว่าบนโต๊ะเก่าๆ มีห่อผ้าสีขาววางในจานกระเบื้องและมีขวดน้ำ 2 ขวดวางไว้ใกล้ๆ ทราบว่าห่อผ้าขาวดังกล่าวเป็นห่อเถ้ากระดูกแม่ของ น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือ น้องมุขอ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเร็วๆ นี้
ต่อมาชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ทราบข่าวว่ามีสื่อมวลชนมาเยี่ยมบ้าน น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือ น้องมุข ต่างเดินทางมาพร้อมกับวิงวอนขอร้องให้ช่วยเหลือน้องมุข เนื่องจากน้องมุข เป็นเด็กที่นิสัยดี เรียบร้อย ขยันเรียน และมีความกตัญญูกตเวทีเป็นที่ประจักษ์ โดยเมื่อ 8 ปี ก่อน ตอนที่น้องมุขอายุ 7 ขวบ แม่ของน้องมุขได้ปีนขึ้นไปเก็บดอกขี้เหล็กเพื่อนำไปปรุงเป็นอาหาร และขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่เกิดพลัดตกลงมาจากต้นขี้เหล็ก จนกลายเป็นอัมพฤกษ์นอนติดและเตียงมีแผลกดทับเน่าแฟะ ตลอดระยะเวลา 8 ปี น้องมุข ต้องรับภาระดูแลปรนนิบัติแม่ โดยก่อนไปโรงเรียนก็ต้องเก็บกวาดบ้าน หุงหาอาหารป้อนข้าวให้แม่กิน ก่อนไปโรงเรียน ช่วงพักเที่ยงจะกลับมาปรนนิบัติดูแลแม่ ก่อนกลับไปเรียน หลังเลิกเรียนก็ต้องรีบกลับมาทำงานบ้าน หุงหาอาหาร ในขณะที่พ่อต้องทำงานคนเดียวออกไปรับจ้างหามรุ่งหามค่ำ นองมุข จึงต้องรับภาระการดูแลบ้านและปรนนิบัติแม่ เพียงคนเดียว กระทั้งเมื่อไม่นานมานี้เองแม่ของน้องมุข ได้เสียชีวิตลง ซึ่งหลังประกอบพิธีทางศาสนาและเผาศพแม่ น้องมุขได้เก็บเถ้ากระดูกห่อผ้าขาวมาในจานกระเบื้องเพื่อกราบไหม้บูชา
ชาวบ้าน เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านสงสารน้องมุข เป็นอย่างมาก เพราะเป็นเด็กยอดกตัญญูที่หาได้ไม่ง่ายรักในสังคมปัจจุบัน ชาวบ้านจึงพยามแบ่งปันอาหาร ข้าวของเครื่องใช้มาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวของน้องมุข มาตลอด อย่างไรก็ตามในปัจจุบันน้องมุข โตเป็นสาวแรกรุ่นต้องนอนในบ้านที่ไม่มีประตูบ้าน ไม่มีหน้าต่าง ซึ่งอันตรายกับน้องมุข เป็นอย่างมาก เพราะในพื้นที่มีวัยรุ่นติดตามยาเสพติดมาก อาจไม่ปลอดภัยกับน้องมุข โดยเฉพาะความปลอดภัยในร่างกาย หากคืนไหนที่นายวีระ พ่อน้องมุข กลับเข้าบ้านมืดค่ำหรือดึกๆ ชาวบ้าน ก็จะมานำน้องมุบ ไปนอนที่บ้านเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือครอบครัวน้องมุข ด้วย
ขณะที่ น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือ น้องมุข กล่าวว่า แม่เป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด แม้มีฐานะยากจน แต่แม่กับพ่อก็เป็นคนขยันทำมาหากินอย่างสุจริต แต่หลังจากแม่ประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากต้นขี้เหล็ก จนกลายเป็นอัมพฤกษ์นอนนิ่งอยู่กับที่มานาน 8 ปี พ่อต้องทำงานคนเดียว รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และต้องใช้ในการรักษาแม่ พ่อจึงหยิบยืมเงินนอกระบบเป็นหนี้เป็นสินก้อนใหญ่ จนแม่เสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ ทุกวันพ่อจะออกไปหางานรับจ้างเลี้ยงครอบครัวและปลดหนี้ จนไม่มีเงินเหลือจะซ่อมแซมบ้านที่ชำรุด ผุพัง ปัจจุบันบ้านไม่มีประตู ไม่มีบานหน้าต่าง หลังคารั่วหลายจุด แต่หนูกับพ่อก็ทนที่จะอยู่ในสภาพอย่างนี้ได้ แต่ปัญหาหลักขณะนี้คือหนูกำลังจะจบชั้น ม. 3 และได้ไปสมัครเรียนสายอาชีพระดับ ปวช.ที่วิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 10 กม. แต่นายวีระ พ่อไม่ต้องการให้เรียนต่อ เพราะพ่อบอกว่าไม่มีเงินส่งเรียนต่อ เรียนจบ ม.3 ก็พอแล้ว
น้องมุข กล่าวอีกว่า หนูอยากเรียนให้จบระดับ ปวช.อย่างน้อยจะได้ไปสมัครงานทำมีรายได้เลี้ยงมาจุนเจือครอบครัว แต่หากจบ ม. 3 ไม่รู้จะไปทำงานอะไรแม้พ่อจะไม่ให้เรียน แต่หนูจะกราบวิงวอนพ่อให้อนุญาตหนูเรียนต่อในระดับ ปวช.หนูจะรบกวนพ่อให้น้อยที่สุด โดยวันที่ 11 เม.ย. นี้ หนูจะต้องไปรายงานตัวเรียนระดับ ปวช.ที่วิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช ในวันรายงานตัวน่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 บาท แต่หนูยังไม่มีเงินเลย จึงไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาเงินที่ไหนไปรายงานตัวและเป็นค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียน หนูจึงอยากกราบวิงวอนผู้ใจบุญทั้งหลายผ่านทางสื่อผู้สื่อข่าวโปรดยื่นมือมาช่วยเหลือให้หนูได้เรียนจบระดับ ปวช.ด้วยเถิด “
ด้านนายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนและประธานศูนย์กล่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ทางสมาคมสื่อมวลชนฯ จะช่วยเหลือเรื่องเงินที่จะต้องใช้จ่ายในการรายงานตัวเข้าเรียนในวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช วันที่ 11 เม.ย.61 นี้ รวมทั้งค่าเสื้อผ้า รองเท้าและอื่นๆ และขอเป็นสื่อกลางถึงผู้ใจบุญทั่วประเทศ ได้โปรดยื่นมือเขช้ามาช่วยเหลือ น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือ น้องมุข ด้วย โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 081- 6761299 หรือโอนเงินเข้าบัญชีสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขบัญชี 389-0-09343-4 ซึ่งหากได้รับการช่วยเหลือมีเงินมากเพียงพอจะทำการปรับปรุงซ่อมแซมหรือสร้างบ้านใหม่ให้ น.ส.คนางค์ทิพย์ หรือน้องมุข ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี