14 มี.ค.61 ที่จังหวัดพัทลุง พ.ต.อ.สุมิตร ศรีนวล ผกก.กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ตำรวจ สภ.นาขยาด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง เข้าตรวจข้อเท็จจริงที่วัดลานแซะ หมู่ 1 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หลังมีชาวบ้านร้องเรียน ว่ามีพระสงฆ์อ้างตัวเป็นชาวญี่ปุ่น และเป็นทายาทบริษัทฮอนด้า ในประเทศญี่ปุ่น เรียกเก็บบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนการ และวุฒิการศึกษา ของบุตรหลานชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน และ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง เกือบ 200 ราย โดยอ้างว่าจะมีการทุนการศึกษามอบให้
ด้านเยาวชน อายุ 17 ปี นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพควนขนุน ปี 3 กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ไปยื่นเอกสารเพื่อขอรับทุน โดยพระที่มามอบทุนการศึกษาระบุว่า เป็นชาวญี่ปุ่น และเป็นทายาทของบริษัทฮอนด้าในประเทศญี่ปุ่น ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทในประเทศไทย โดยจะมีความประสงค์จะมอบทุนการศึกษาแบบไม่มีเงื่อนไข ให้กับบุตรหลานของชาวบ้านในพื้นที่ โดยระบุนักศึกษา ระดับมัธยมจะมอบทุนให้คนละ 5,000 บาทต่อเดือน ระดับปริญญาตรี จะมอบทุนให้คนละ 8,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหลังมีข่าวแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวบ้าน พาบุตรหลาน เข้าไปยื่นเอกสารเพื่อขอรับทุนกันจำนวนมาก ซึ่งตนก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น
นายพงศ์ษา เรืองมา อายุ 31 ปี กล่าวว่า จากพฤติกรรมของพระมีข้อสงสัยเกิดขึ้นกับชาวบ้านหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนการศึกษา ที่สูงมาก 5,000-8,000 บาทต่อเดือนต่อคน อีกทั้งเรื่องที่ระบุว่าเป็นชาวญี่ปุ่น และเป็นทายาทของบริษัทฮอนด้า มาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 10 กว่าปี แต่สามารถพูดไทยและเขียนภาษาไทยได้ชัดเจนแต่เขียนและพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้โดยอ้างว่าไปเติบโตที่สหรัฐอเมริกา และเรื่องการเรียกเก็บบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หากพระมีทุนการศึกษามามอบให้กับชาวบ้านจริงตามที่ว่า ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี กับชาวบ้านในพื้นที่ แต่หากไม่จริง เนื่องจากมีข้อสังเกตหลายๆ เรื่อง ก็กลัวว่าชาวบ้านจะโดนหลอกชาวบ้านจึงร้องขอให้มีการตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน
จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบพระรูปดังกล่าว กำลังเปิดรับเอกสารของชาวบ้านอยู่ภายในวัด จึงเข้าทำการสอบถามเบื้องต้น พระรูปดังกล่าวระบุว่าตนชื่อ ฟุกุโอกะ ปัญญาทีโก อายุ 50 ปี เป็นชาวญี่ปุ่น และเป็นทายาทของบริษัทฮอนด้า ในประเทศญี่ปุ่น เกิดและเติบโตในประเทศสหรัฐอเริกาเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และบวชเป็นพระที่วัดช้างให้ ในจังหวัดปัตตานี หลังบวชมาอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใส ก่อนจะมาเป็นพระอยู่ที่วัดนาม่วง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และเดิมเคยมาร่วมปฏิบัติธรรมในโครงการ พระธรรมทายาท ที่วัดลานแซะ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จึงมีแนวคิดที่จะมอบทุนการศึกษาให้กับเด็ก ในพื้นที่ใกล้วัดจึงประกาศรับสมัครทางสถานีวิทยุฯปรากฏว่ามีเด็กให้ความสนใจมาสมัครเป็นจำนวนมาก และอยู่ในระหว่างการเปิดรับเอกสารการสมัคร เพื่อจะให้ทุนการศึกษากับเด็กนักเรียนพร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจในการมอบทุนการศึกษา
เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบพาสปอต พระฟุกุโอกะ ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ โดยอ้างว่าไม่ได้พกติดตัวส่งให้บริษัทเอกชนบริษัทหนึ่งเพื่อต่อพาสปอร์ต เมื่อเจ้าหน้าที่ขอชื่อบริษัทที่พระฟุกุโอกะ อ้างถึง ปรากฏว่าไม่สามารถยืนยันกับเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมอ้างว่าหลักฐานต่างๆ ตนไม่สามารถให้เจ้าหน้าที่ดูได้เพราะมีเหตุผลส่วนตัว ทั้งตนยังทำงานให้กับสหประชาชาติ หากเจ้าหน้าที่หรือสื่อทำอะไรไป จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวพระฟุกุโอกะ ไปตรวจสอบประวัติโดยละเอียดอีกครั้งที่ สภ.นาขยาด จากการสอบตรวจเอกสารทางทะเบียนราษฎร์พบว่า พระฟุกุโอกะ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี เดิมชื่อนายวีระ กัลยา เป็นชาวอ.บ้านผ้อ จ.อุดรธานี และมีครอบครัวมีบุตรในพื้นที่ จ.อุดรธานี ต่อมาในปี พ.ศ.2553 ได้มีการแจ้งเปลี่ยนชื่อเป็นนายจักรรินทร์ วิมาณเมฆินทร์ ตามบัตรประชาชนอยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 14 ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้มีการทำประวัติพระฟุกุโอกะ ไว้ที่ สภ.นาขยาด เพื่อตรวจสอบประวัติโดยละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.สุมิตร เตือนประชาชนว่า บัตรประจำตัวประชาชนและเลข 13 หลัก เป็นเอกสารสำคัญของบุคคล หากไม่มีความมั่นใจ ไม่ควรจะให้ใครไปง่ายๆ เพราะอาจจะมีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี นำเอกสารไปใช้ในทางมิชอบได้ ในส่วนของพระฟุกุโอกะ ที่อ้างว่าจะมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษา หากมีการมอบทุนจริงก็ถือเป็นเรื่องที่ดีกับชุมชน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบการมอบทุนการศึกษาตามที่ พระฟุกุโอกะ กล่าวอ้างในพื้นที่อื่นๆ และเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบประวัติโดยละเอียดอีกครั้ง หากพบการชี้ชัดว่ามีการกระทำผิดกฎหมายทั้งในเรื่องของเอกสาร หรือเรื่องอื่นใด ก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี