ดีเอสไอเร่งสรุปสำนวนคดีค้ามนุษย์-ค้าประเวณีอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ส่งอัยการสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ก่อนคดีครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาครั้งสุดท้ายในวันที่ 5 เม.ย.
14 มี.ค.61 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีค้ามนุษย์ในสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครทว่า ตนได้รับรายงานจากพ.ต.ท.สุภัทร์ ธรรมธนารักษ์ ผอ.กองคดีต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายหลังการสอบปากคำพยาน ตรวจสอบหลักฐาน และเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องหลังรับโอนคดีจากสน.วังทองหลาง ขณะนี้อยู่ระหว่างประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนก่อนที่จะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหา 84 วัน
ทั้งนี้ ดีเอสไอมีกำหนดส่งสำนวนให้อัยการก่อนสิ้นเดือนมี.ค.นี้ โดยจะแยกเป็น 2 สำนวนคดี คือ คดีนำเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี มาค้าประเวณีและค้ามนุษย์ ตามหมายจับเดิมที่มีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ อายุ 61 ปี เจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท และนายบุญทรัพย์ อมรรัตนสิริ หรือป๋ากบ อายุ 55 ปี หัวหน้าเชียร์แขก กับพวกรวม 7 ราย เป็นผู้ต้องหา ส่วนคดีที่ 2 เป็นความผิดที่ตรวจสอบพบขณะนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมในวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายกำพล และนายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย อายุ 67 ปี กับพวกรวม 6 รายเป็นผู้ต้องหา
ด้านพ.ต.ท.สุภัทร์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนคดีค้ามนุษย์วิคตอเรียซีเครท 2 สำนวน ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ก่อนสิ้นเดือนมี.ค.นี้ เพื่อให้อัยการมีเวลาพิจารณาเนื้อหาและหลักฐานในสำนวนการสอบสวน เนื่องจากคดีจะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาครั้งสุดท้ายในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จำเป็นต้องฟ้องให้ทันภายในกำหนด โดยสำนวนแรกดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ โดยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหาซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด, หน่วงเหนี่ยวกักขัง , ร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี, รู้เห็นการมาของคนต่างด้าวโดยผิดกกหมาย, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกับผู้ต้องหา 7 รายแรกตามหมายจับเดิม
ส่วนสำนวนที่ 2 ดำเนินคดีข้อหาเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีและพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 กับผู้ต้องหาอีก 6 ราย ขณะที่ยังมีผู้ต้องหาบางราย ซึ่งเป็นกลุ่มเอเย่นต์นำเด็กและนำผู้หญิงจากประเทศต้นทางเข้ามาขายบริการจะถูกดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติม โดยการสอบสวนพบกลุ่มเอเย่นต์กับนายกำพลมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เห็นกับการสั่งเด็กและหญิงต่างด้าวเข้ามาทำงานบริการ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการลงบัญชีหักค่าตัวเด็กจ่ายให้กับสถานประกอบการ คนเชียร์แขก และเอเย่นต์ อาทิ ค่าบริการ 2 พันบาท เด็กจะต้องหักส่วนต่างครึ่งหนึ่งให้สถานประกอบการ ส่วนที่เหลือยังถูกหักเป็นค่าแต่งหน้า ค่าตรวจร่างกาย และเงินปันส่วนให้กับเอเย่นต์
"ระยะหลังหญิงสาวที่กันตัวไว้เป็นเหยื่อในคดีค้ามนุษย์ ไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนมากนัก เพราะเกรงว่าจะเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ทราบว่าเข้ามาประกอบอาชีพอะไร และสมัครใจเดินทางเข้ามาทำงานเอง แต่กรณีที่เป็นเด็กถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่รุนแรงและเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ส่วนคดีฟอกเงินพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณา โดยตรวจสอบว่าเงินของนายกำพล กระจายไปที่ใดบ้าง เพื่อเรียกให้ผู้รับเงินเข้าชี้แจงธุรกรรมการเงิน ซึ่งสำนวนความผิดหลัก คือคดีฟอกเงินจะเห็นความชัดเจนหลังการสรุปสำนวนสั่งฟ้องคดีค้ามนุษย์และค้าประเวณี" พ.ต.ท.สุภัทร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี