"นายแผน" พยานคดีหวย 30 ล้านเดินสายเปิดศึกฝ่าย "ลุงจรูญ" เข้าแจ้งความตำรวจ สน.บางยี่ขัน ดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทกับ "ทีวีช่องดังพร้อมพิธีกร" และ "ทนายความลุงจรูญ" ที่ออกอากาศเนื้อหาจูงใจประชาชนว่าให้ร้าย"ผบช.ก." พร้อมบุกสภาทนายความฯตรวจสอบทนายบิดเบือนข้อมูล ด้านกองปราบฯลุ้น 15 มี.ค.นี้จะมารับทราบข้อหาให้การเท็จหรือไม่ ลั่นเบี้ยว 2 ครั้งออกหมายจับทันที "ลุงจรูญ"งัดหมัดเด็ดใส่ฝ่ายครูปรีชา ยันไม่หวั่นตัวละครที่โผล่มาเรื่อยๆ
เมื่อบ่ายวันนี้ (14 มี.ค.61) นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน พยานในคดีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาทที่เป็นข้อพิพาทระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพวิสุทธรังษ๊ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ เดินทางเข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ตรวจสอบทนายคนหนึ่ง หลังพบว่ามีการไปออกรายการบิดเบือนข้อเท็จจริง จนทำให้ได้รับความเสียหาย กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งต้องออกจากงาน โดยมีนายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน
นายฐนุกร เปิดเผยว่า ตนต้องลาออกจากงานเพราะไม่อยากสร้างความเสียหายให้กับบริษัท ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักกับครูปรีชา หรือ หมวดจรูญ เป็นการส่วนตัว และก็ไม่ได้กล่าวพาดพิงไปถึง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)
ด้าน นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษฯ เปิดเผยว่า ทางสภาทนายความจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อร้องเรียนดังกล่าวเพื่อความเป็นธรรมของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหากพบทนายกระทำความผิดจริงก็จะมีโทษใน 3 ระดับ คือ โทษภาคทัณฑ์ หรือห้ามประกอบวิชาชีพทนายความเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือ เพิกถอนใบประกอบวิชาชีพทนายความ พร้อมฝากถึงทนายความทั่วประเทศให้คำนึงถึงกฎ ระเบียบ และมรรยาทของสภาทนายความฯ ประกอบวิชาชีพภายในกรอบ กฎ และระเบียบที่กำหนด แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย รวมถึงระมัดระวังคำพูดในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
"แผน"แจ้งจับพิธีกรดัง-ทนายลุงจรูญ
จากนั้น เวลา 19.32 น. นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน ได้นำเอกสารเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ โตไร่ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ 1.บมจ.อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง 2.นายพุทธ อภิวรรณ ผู้ดำเนินรายการต่างคนต่างคิด และ 3.นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
นายฐนุกร เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีเนื่องจากรายการต่างคนต่างคิด ได้ออกอากาศเนื้อหาในลักษณะจูงใจประชาชนว่า ตนให้ร้าย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วตนไม่ได้ให้ร้ายผู้ใด อีกทั้งรายการดังกล่าวยังให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชนอีกหลายประการ จึงเดินทางมาแจ้งความเอาไว้เพื่อประสงค์ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันว่า การเห็น ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ก้มเก็บลอตเตอรี่นั้นเห็นอยู่ในระยะใกล้ๆ 2 เมตร ไม่ใช่ 20 เมตร ตามที่มีหลายฝ่ายเข้าใจผิดพลาดไป
ส่วนในวันที่ 15 มี.ค.61 ที่มีกระแสข่าวว่า กองปราบปรามเรียกตนเข้าไปให้ปากคำนั้นยังไม่รู้เรื่อง ถ้าหากต้องเข้าไปพบตำรวจกองปราบปรามจริงก็จะขอปรึกษาทนายความก่อน ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมากไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว โทรศัพท์มือถือก็พังไปแล้ว 1 เครื่อง เพราะต้องรับสายผู้สื่อข่าวทั้งวัน
ด้าน ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า จะสอบสวนนายฐนุกร พร้อมดูเอกสารหลักฐานที่นำมาแจ้งความ จากนั้นจะรับเป็นคดีเอาไว้ก่อนย้อนไปตรวจสอบหลักฐานสำคัญ โดยเฉพาะเทปบันทึกภาพวันที่สถานีโทรทัศน์ออกอากาศอีกครั้ง จากนั้นจะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กองปราบฯลุ้น"แผน"มารับข้อหา
ด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.เปิดเผยความคืบหน้าคดีสลากกินแบ่งรัฐบาล 30 ล้านว่า หลังจากได้มีการออกหมายเรียกให้นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ก้มเก็บลอตเตอรี่ พยานบุคคลในคดีดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา ฐานร่วมกันกระทำผิดกับนายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น จากการกระทำดังกล่าวที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้น เบื้องต้นพบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานติดต่อเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จึงทำให้ยังไม่สามารถบอกได้ว่านายแผน จะเดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามกำหนดการคือวันที่ 15 มี.ค.นี้หรือไม่
ลั่น"แผน"เบี้ยว2ครั้งเจอหมายจับ
รายงานข่าวแจ้งว่า หากในวันที่ 15 มี.ค.นี้ นายแผน ไม่สามารถเดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ตามกำหนดการหมายเรียกครั้งแรกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาได้ ทางพนักงานสอบสวน บก.ป. จะทำการออกหมายเรียกอีกครั้งโดยเว้นระยะห่างจากครั้งแรกประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากยังไม่มาเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 อีก ทางพนักงานสอบสวนก็อาจจะมีการพิจารณาดำเนินการในการไปขออนุญาตศาลพิจารณาออกหมายจับ เพื่อมาเเจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป
"ทนายตั้ม"แฉแผนไม่ใช่เด็กแบงก์
ทางด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และทนายความส่วนตัวของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ คู่กรณีคดีสลากกินแบ่งรัฐบาล 30 ล้านกับนายปรรชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพวิทธรังษี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า “แก้ข่าวให้นะครับ นายแผน ไม่ใช่คนของธนาคาร แต่เป็นคนของบริษัทนึงที่มาขับรถให้ จนท.ธนาคาร ข่าวล่าสุด นายแผน อาจจะโดนไล่ออก แต่นายแผนได้บอกคนใกล้ชิดว่าไม่เป็นไร "นาย" จะรับผิดชอบชีวิตให้ ผมอยากจะบอกด้วยความหวังดีว่า เค้าน่ะรับผิดชอบแค่ตอนมีประโยชน์กับเค้าเท่านั้นล่ะ พอหมดประโยชน์เค้าก็ไม่สนใจแผนแล้วล่ะ ถึงเวลานั้นก็ต้องเผชิญโชคเอง
สรุปว่าผู้จัดการ รองผู้จัดการ นายแผน และจนท.อีก 1 คน มาที่บ้านคุณลุงจรูญ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 เจ้าหน้าที่ธนาคารทุกคนที่มาด้วย พร้อมจะให้การเป็นพยานกับกองปราบว่า นายแผนไม่ได้พูดความจริง ว่าไม่เคยรู้จักคุณลุงจรูญมาก่อน และที่บอกว่าเห็นข่าวจึงรู้ว่ามีคดีหวยหาย ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะระหว่างนั่งมาในรถ ได้คุยเรื่องเงินที่คุณลุงถูกอายัด โดยผู้จัดการยังได้บอกว่าสงสารคุณลุง เหมือนโดนกลั่นแกล้ง ดังนั้นที่นายแผนจึงโกหกทั้งสิ้น!!
"ลุงจรูญ"จ่อแจ้ง"แผน" ให้การเท็จ
เวลา 08.00 น.วันเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 299/110 หมู่บ้านศิริชัย วังสารภี ซ.5 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร.ต.ท.จรูญ และนางลาวัลย์ วิมูล ภรรยา ได้ให้สัมภาษณ์ที่บริเวณหน้าบ้านพักว่า วันนี้ได้รับการประสานจากตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่าจะเดินทางมาพบ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเดินทางมาพบที่บ้านพัก หรือจะนัดให้ไปพบที่ใด หลังจากพบกอบปราบฯ แล้วก็จะแจ้งความดำเนินคดีต่อนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน ซึ่งเป็นพยานให้กับนายปรีชา ในข้อหาแจ้งความเท็จ
ส่วนกรณีที่ทนายษิทรา ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายแผนเคยเดินทางมาที่บ้านของตนนั้น เป็นเรื่องจริง ซึ่งนายแผนได้เดินทางมาที่บ้านตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2560 ขณะนั้นนายแผนขับรถยนต์ มากับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อมาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องทนายความ เพราะครั้งแรกตนไม่มีและไม่รู้จักกับทนายความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร บอกว่านายแผนรู้จักกับทนายความเยอะ จึงจะให้นายแผนเป็นคนหาทนายให้ ซึ่งวันที่ปรึกษากันตัวนายแผนก็ได้เข้าไปนั่งคุยกันภายในบ้านด้วย
"หลังจากที่นายแผน ออกข่าวครั้งแรก สื่อมวลชนได้เบลอใบหน้า จึงจำไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่เมื่อนายแผนไปร้องขอความเป็นธรรมที่ คสช.เมื่อวานนี้ สื่อไม่ได้เบลอหน้า เมื่อดูข่าวจึงรู้ว่านายแผนนั้นคือใคร และครั้งแรกนายธนาคารเองก็แนะนำให้เราไปหาทนายษิทรา แต่เรายังติดต่อไม่ได้ ก็เลยจะให้นายแผนเป็นผู้ติดต่อทนายให้ แต่พอมาถึงวันรุ่งขึ้นทนายษิทรา ได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมา เราจึงโทรศัพท์ไปบอกเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าไม่ต้องแล้ว เพราะทนายษิทรา โทรติดต่อกลับมาแล้ว"
"ลุงจรูญ"ยันล็อดเตอรี่ซื้อมากับมือ
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังจะยืนยันหรือไม่ว่าไม่ได้ก้มเก็บลอตเตอรี่ตามคำให้การของนายแผน ร.ต.ท.จรุญ ตอบว่า ยืนยันเพราะผมซื้อมากับมือ สำหรับเรื่องคดีในใจลึกแล้วก็ไม่อยากให้ยืดเยื้อ ผมอยากให้มันจบเร็วๆ แต่จะจบได้หรือไม่ได้ก็คงจะตอบไม่ได้ สำหรับเรื่องเงินที่ถูกอายัดไว้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอถอนอายัดแต่อย่างใด คงต้องปล่อยให้เป็นไปแบบนั้นไปก่อน เพราะยังไงเราก็ไม่ได้รีบใช้เงิน
เมื่อถามว่ามีความวิตกหรือไม่ เพราะเริ่มมีตัวละครฝ่ายครูปรีชาออกมาเรื่อยๆ ร.ต.ท.จรุญ ตอบว่า ความรู้สึกลึกๆ ส่วนตัวก็ไม่ได้วิตก เพราะว่ายังไงเสียเราก็รู้อยู่แก่ใจของเราเองอยู่แล้วว่าเราทำอะไร เราผิดเราถูกเรารู้อยู่แล้ว สำหรับนายแผน ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคาร แต่เป็นคนของบริษัทที่มาทำหน้าที่ขับรถให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร
เมื่อถามอีกว่าเกรงหรือไม่หากฝั่งตรงข้ามมีคลิปไปปรากฏในชั้นศาล ร.ต.ท.จรุญ ตอบว่า "ผมไม่เกรงหรอกถ้าความจริงมันปรากฏ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผมรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าผมผิดหรือผมถูก ซึ่งผมเชื่อว่าฝ่ายโน้นก็รู้อยู่แก่ใจด้วยเหมือนกัน"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี