มูลนิธิสืบฯจี้ฟัน‘เปรมชัย’เจตนาฆ่า‘เสือดำ’ ศรีวราห์ให้คำมั่นเอาผิดได้แน่
16 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ว่า นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และเครือข่าย ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เพื่อขอบคุณที่ทำคดีได้อย่างรวดเร็ว พร้อมสอบถามประเด็นข้อสงสัยต่างๆ และขอความมั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ในคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี และข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 กรณีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ที่ได้เข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก พร้อมทั้งได้มีการตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองพร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืน
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โดยพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือนายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องหาที่1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 โดยมีข้อหารวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 34 / 2561 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้วนั้น
1.มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งสำนวนของพนักงานสอบสวน ให้อยู่ในกรอบระยะเวลาของการดำเนินงานโดยไม่ชักช้า และข้อหาที่สำคัญ คือเจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นข้อหาสำคัญตามพฤติการณ์แห่งคดี ได้ถูกระบุส่งถึงอัยการอย่างครบถ้วน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสำนวนประกอบคำฟ้องจะดำเนินการไปด้วยความรัดกุม รอบคอบ และมีน้ำหนักเพียงพอที่จะใช้ประกอบคำฟ้องในชั้นอัยการต่อไป
2.ด้วยพฤติการณ์แห่งคดีที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำโดยอุกอาจ เจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของคนไทยทุกคน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร คาดหวังว่า ผู้กระทำความผิดสมควรได้รับการประณามและลงโทษตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมเช่นประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สรุปภาพรวมคดีนายเปรมชัย ให้นายศศิน และเครือข่าย รับฟังว่า คดีนี้มีการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย และพวกรวมแล้ว 4 คน หลังมีหลักฐานเป็นซากสัตว์ อาวุธปืน และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่พบขณะเกิดเหตุ 28 รายการ จำนวนกว่า 200 ชิ้น และสอบปากคำพยานไปกว่า 51 ปาก จนสามารถสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องศาลได้แล้ว 9 ข้อหา ภายใน 36 วัน อาทิ ข้อหาร่วมกันล่าและพยายามล่าสัตว์ป่า , ร่วมกันซ่อนเร้นซากสัตว์ป่า , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังอยู่ระหว่างดำเนินคดีในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน , ครอบครองงาช้าง และครอบครองอาวุธปืน รวมทั้ง ตรวจสอบเพิ่มเติมเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่า
“พนักงานสอบสวนสามารถยืนยันความผิดของนายเปรมชัยได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่เจอสัตว์ป่ามีชีวิต พบเพียงซากสัตว์ แต่ได้มีการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสัตว์ที่ถูกยิง ถูกล่า และถูกชำแหละ แสดงให้เห็นถึงความผิดเกี่ยวกับการล่าสัตว์จริง นอกจากนี้ส่วนตัวไม่น้อยใจที่ถูกจับตาจากเครือข่ายภาคประชาชน เนื่องจากได้กำลังใจจากนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี มาตลอด โดยจะทำงานอย่างเต็มที่ตามกรอบกฎหมาย” รอง ผบ.ตร.กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายนักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าพบเพื่อขอให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทบทวนการลงโทษ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ที่รับคำร้องทุกข์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่า การลงโทษมาจากการพิจารณาแล้วว่าเป็นการกระทำ ทั้งๆที่ไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติ โดยได้ลงโทษภาคทัณฑ์สถานเบาสุด ซึ่งไม่ใช่เกิดจากอคติ หรือเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือบุคคลใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี