16 มี.ค.61 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคกลาง พร้อมคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามการดำเนินงาน และรับฟังการบรรยายสรุปผลความก้าวหน้าการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ จากผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรผสมผสาน บ้านนายอภิรมย์ ผาวันดี ซึ่งเป็นเกษตรกรตัวอย่างด้านการปลูกแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ การปรับปรุงบำรุงดิน และการทำปุ๋ยอินทรีย์
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จัดตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานพระราชดำริไว้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2522 โดยสรุปว่า “ให้พิจารณาพัฒนาพื้นที่ที่ราษฎรน้อมเกล้า ฯ ถวายที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยให้ดำเนินการสำรวจดินอย่างละเอียด เพื่อจัดแบ่งส่วนให้เป็นประโยชน์ต่อการที่จะให้ผู้สนใจได้มาทัศนศึกษา ในด้านการชลประทาน การเกษตรกรรม การปศุสัตว์ การประมง ตลอดจนการสาธิตอุตสาหกรรมในครัวเรือน และให้ดำเนินงานเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาการเกษตรที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งจะเป็นสถานที่ให้เกษตรกรและผู้สนใจ ได้เข้าชมศึกษาค้นคว้าหาความรู้และนำไปปฏิบัติตาม พร้อมส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านรวมทั้งพัฒนาพื้นที่รอบศูนย์ศึกษาฯ บริเวณลุ่มน้ำโจนให้มีความเจริญเป็นตัวอย่างแก่การพัฒนาพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป”
ปัจจุบัน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ได้ดำเนินการสนองพระราชดำริ มาเป็นระยะเวลา 39 ปี โดยศูนย์ศึกษาฯ ได้ยึดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านดิน แหล่งน้ำ ป่าไม้ ตลอดจนกิจกรรมการพัฒนาในด้านต่างๆ รวมถึงทำการศึกษาทดลอง วิจัยเพื่อหาแนวทางการพัฒนาที่มีความเหมาะสม สอดคล้องกับภูมิสังคมในพื้นที่ ใช้เทคโนโลยีที่เรียบง่าย ประหยัด เกษตรกรสามารถนำไปดำเนินการได้ด้วยตนเอง โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ได้ทำการศึกษา ทดลอง วิจัย มาแล้วทั้งสิ้น 131 เรื่อง ได้นำผลสำเร็จจากการศึกษา วิจัย จัดทำเป็นหลักสูตรฝึกอบรมรวม 13 หลักสูตร
นับเป็นการขยายผลความสำเร็จไปสู่เกษตรกรในพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่รอบศูนย์ฯ สามารถพัฒนาการประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเข้มแข็ง โดยการรวมกลุ่มเพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่มอาชีพได้ถึง 18 กลุ่ม อาทิ กลุ่มข้าว กลุ่มมันสำปะหลัง กลุ่มเกษตรผสมผสาน กลุ่มสมุนไพร และกลุ่มการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ฯลฯ นอกจากนี้ศูนย์ศึกษาฯ ยังได้มีการคัดเลือกเกษตรกรตัวอย่างเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ได้จำนวน 15 ศูนย์เรียนรู้
จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. องคมนตรี และคณะได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรผสมผสาน บ้านนายอภิรมย์ ผาวันดี ซึ่งเป็นหนึ่งในผลสำเร็จจากงานขยายผลของศูนย์ศึกษาฯ ซึ่งนายอภิรมย์ ได้เข้ารับการอบรมที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ในเรื่องการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ หลังจากนั้น จึงมีส่วนร่วมกับศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเข้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเรื่องการทำเกษตร เช่น การปลูกแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ การปรับปรุงบำรุงดิน การทำปุ๋ยอินทรีย์ และนำมาปรับใช้ในแปลงเกษตรของตนเอง โดยเฉพาะการปรับสภาพพื้นที่ด้วยการปลูกหญ้าแฝก เนื่องจากดินมีสภาพเป็นทรายจัดและแข็ง และการทำปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยหมัก รวมถึงการปรับรูปแปลงนา จนปัจจุบันบนพื้นที่ จำนวน 25 ไร่ ถูกจัดสรรเพื่อปลูกพืชผักผสมผสานต่าง ๆ อาทิ ส้มโอ ลำไย ชมพู่ ขนุน ละมุด พืชผักสวนครัว กระจายเต็มพื้นที่
รวมถึงการเลี้ยงกบในบ่อเพื่อกินแมลง เลี้ยงปลาในบ่อและวงบ่อ อีกทั้งยังได้ผลิตปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ สารไล่แมลง สารป้องกันโรครากและโคนเน่า จุลินทรีย์หน่อกล้วย จุลินทรีย์ปลีกล้วย และฮอร์โมนไข่ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต โดยในปี 2560 มีกำไรจากการขายผลผลิตต่าง ๆ กว่า 300,000 บาท นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จของบุคคลที่น้อมนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ มาปรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้อยู่ได้อย่างมีความสุข มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี