"ศศิน เฉลิมลาภ"นำทีมพบ"ศรีวราห์"วอนทำคดีเปรมชัยรอบคอบ หวั่นชุลมุนเลือกตั้ง-อิทธิพลเป่าคดี จี้เอาผิด "เจตนาฆ่าเสือดำ" จับตาปม "แบ่งหน้าที่กันทำ"ช่วยให้รับโทษสำคัญเฉพาะลูกน้องหรือไม่ ด้าน"บิ๊กปู"แจงยิบหลักฐานมัดดิ้นไม่หลุดแน่ แฉเจ้าสัวรับขน"มีด-เขียง"มาจากบ้าน ขณะที่บัลลังก์อิตาเลียนไทยฯสะเทือน มือฉมังสิ่งแวดล้อมสุดทนปมล่าสัตว์ยื่นลาออก
คดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ที่มีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) และพวก รวม 4 ราย ตกเป็นผู้ต้องหารวม 9 ข้อหา ที่แม้จะมีการสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาต่ออัยการจังหวัดทองผาภูมิไปแล้ว แต่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
มูลนิธิสืบฯหวังตร.ทำคดี"เปรมชัย"รัดกุม
ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 16 มี.ค.61 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 กรณีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก มีใจความโดยสรุปว่า คดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2561 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของ สภ.ทองผาภูมิ ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โดยพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน รวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.34/2561
1.มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งสำนวนของพนักงานสอบสวน ให้อยู่ในกรอบระยะเวลาของการดำเนินงานโดยไม่ชักช้า และข้อหาที่สำคัญ คือ เจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นข้อหาสำคัญตามพฤติการณ์แห่งคดี ได้ถูกระบุส่งถึงอัยการอย่างครบถ้วน มูลนิธิสืบนาคะเสถียรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสำนวนประกอบคำฟ้องจะดำเนินการไปด้วยความรัดกุม รอบคอบ และมีน้ำหนักเพียงพอที่จะใช้ประกอบคำฟ้องในชั้นอัยการต่อไป
จี้ประณาม-เอาผิด"เจตนาฆ่าเสือดำ"
2.ด้วยพฤติการณ์แห่งคดีที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำโดยอุกอาจ เจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของคนไทยทุกคน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร คาดหวังว่าผู้กระทำความผิดสมควรได้รับการประณาม และลงโทษตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม เช่นประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายต่อไป
(อ่านรายละเอียดข่าว :ฉบับ3!มูลนิธิสืบฯแถลงการณ์คดี'เสือดำ' จี้ประณามลงโทษคนผิดตามกม.อย่างเท่าเทียม )
ศศินนำทัพพบ"ศรีวราห์"
จากนั้นเวลาประมาณ 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พร้อมเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เพื่อติดตามความคืบหน้าและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งรัดการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย จนกระทั่งสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาต่ออัยการจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งเร็วกว่าที่ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิสืบฯคาดการณ์ไว้ โดยใช้เวลาในการสอบสวน 36 วัน ที่เดิมทีจะต้องส่งฟ้องวันที่ 26 มี.ค.61 และขอความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมมอบรายชื่อ 142,189 รายชื่อ ที่ติดแฮชแท็ก "เสือดำต้องไม่ตายฟรี" ให้กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ด้วย
หวั่นใช้อิทธิพลเป่าคดี
นายศศิน กล่าวว่า เดิมวัตถุประสงค์แรกที่เข้าพบ เพื่อขอความมั่นใจในการให้สำนวนรอบคอบ รัดกุม และที่สำคัญภาษาชาวบ้านว่าขอให้นายเปรมชัยไม่หลุดคดีเจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าเพราะกังวลเหมือนคนอื่นๆว่านายเปรมชัยจะหลุดคดี ได้รับโทษเฉพาะลูกน้องในข้อหาสำคัญ แต่ปรากฏว่าพล.ต.อ.ศรีวราห์ จะส่งสำนวนได้วันที่ 23 มี.ค. แต่ส่งได้ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. เร็วกว่าที่คาดหมาย 10 วัน จึงเปลี่ยนคำแถลง แม้ยังไม่เห็นสำนวนคดี เมื่อดูคำแถลงของตำรวจ นายเปรมชัยอยู่ในข้อหาร่วมกันกระทำผิดล่าสัตว์ป่า จึงต้องเปลี่ยนขอบคุณตำรวจ เพราะทำงานเร็ว
"เรากังวลเหมือนคนอื่นๆว่าถ้าพิจารณาคดีล่าช้า เมื่อสังคมเริ่มจับตาดูปลายปี หรือต้นปีหน้า เป็นช่วงชุลมุนเลือกตั้ง นายเปรมชัยก็เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ช่วงนั้นมีข้อวิตกว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะใช้เทคนิคทางกฏหมาย ทำให้ตัวเองรอดพ้น มันขึ้นอยู่ที่ที่ต้นทางคือตำรวจจะชัดเจนเพียงใด" นายศศิน กล่าว
ชี้หลักฐานเพียบความผิดชัด
นายศศิน กล่าวต่อว่า การทำคดีของคณะ พล.ต.อ.ศรีวราห์ มีความชัดเจน 2 เรื่อง คือ 1.เร็ว 2.นายเปรมชัยอยู่ในข้อหาเจตนาฆ่าสัตว์ป่าด้วย โดยพฤติกรรมแห่งคดี ไม่ว่าทางเทคนิคกฎหมายเข้าถึงตัวเปรมชัยหรือไม่ แต่หลักฐานทั้งหมดโดยเจตนาที่พาปืนเข้าป่า แวะพักกลางทาง มีซากเสือดำ ความผิดค่อนข้างชัดเจน จึงอยากให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า ตำรวจจะยืนอยู่ด้วยกันในเรื่องการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ
"บิ๊กปูแจงยิบข้อกม.ผิดล่าสัตว์ป่า
จากนั้นนายศศิน ถาม พล.ต.อ.ศรีวราห์ ว่าเสือดำถูกยิงวันที่ 3 หรือ วันที่ 4 เพราะจะเป็นหลักฐานสำคัญเชื่อมโยงไปถึงนายเปรมชัย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตอบว่า จะล่าวันที่ 3 ก.พ. หรือวันที่ 4 ก.พ. ได้สอบถามไปยังนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ไม่สามารถยืนยันได้ว่าล่าวันไหน เป็นประเด็นในคดี แต่ความผิดในข้อหาล่าสัตว์ ถ้าดูในบันทึกการจับกุมไม่มีสัตว์สักตัว มีแต่ซากสัตว์ ทั้งหนัง กระดูก เนื้อ ตามบันทึกจับกุมมันฟ้องได้อีกข้อหาคือมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท
"แต่ถ้าในบันทึกจับกุมมีหมี หรือมีหมีครึ่งตัวอย่างนี้คือล่าสัตว์ โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท ที่พิจารณาในบันทึกจับกุม ไม่มีตัวสัตว์อยู่ จึงจำเป็นต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการรวบรวมหลักฐาน มันคือตัวสัตว์ที่ถูกยิง ถูกล่า ถูกชำแหละ เมื่อถูกล่าก็ต้องมีอาวุธที่ใช้ล่า ในคดีนี้มีร่องรอยกระสุนปืน การชำแหละมีดีเอ็นเอที่มีด เขียง เนื้อสัตว์ กระดูกสัตว์ หนังสัตว์ เป็นตัวเดียวกัน พนักงานสอบสวนต้องบรรยายไว้ท้ายรายงานให้พนักงานอัยการเห็นว่ามีความผิดเกี่ยวกับการล่าสัตว์เกิดขึ้นจริง” รอง ผบ.ตร.กล่าว
แฉเจ้าสัวพก"มีด-เขียง"มาจากบ้าน
รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายเปรมชัย ไม่ได้ชำแหละเอง เพราะมีแม่ครัวไปด้วย อย่าลืมว่าอาวุธปืนที่ใช้ล่าเป็นของนายเปรมชัย รถยนต์พาหนะที่เข้าไปก็เป็นของนายเปรมชัย มีด เขียง ส่วนมากมาจากบ้านนายเปรมชัย ยกเว้นมีดเหน็บมาจากบ้านนายธานี เป็นลักษณะ "แบ่งหน้าที่กันทำ" ไม่มีปัญหา พิสูจน์ความผิดได้แน่นอน ถึงไม่มีดีเอ็นเอนายเปรมชัย เหนี่ยวไกปืน
ทำตามหน้าที่-ไม่น้อยใจโดนรุมด่า
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ส่วนตัวไม่น้อยใจ ที่ถูกจับตาจากเครือข่ายภาคประชาชน โดยจะทำงานอย่างเต็มที่ตามกรอบกฎหมาย จะทำสำนวนคดีให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดความหละหลวมในสำนวนคดี ที่ผ่านมาก็ทำตามหน้าที่ และยึดตามกฎหมายที่มีอยู่ ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้กำลังใจในการทำงานตลอด มั่นใจในสำนวนคดีว่าอัยการสั่งฟ้องทุกข้อหาแน่นอน แต่ก็อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ตนเองไม่อาจก้าวล่วงได้
ศศินข้องใจ"แบ่งหน้าที่กัน"ผิดเท่ากัน.?
ภายหลังการเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทางนายศศิน ได้แชร์แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ของมูลนิธิสืบฯ พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ศศิน เฉลิมลาภ" ว่า "ถามว่าไปสำนักงานตำรวจ มั่นใจคดีขึ้นไหม? มีทั้งส่วนที่มั่นใจ คือ คำพูดของคุณศรีวราห์ ว่า ทั้งหมด "แบ่งหน้าที่กัน" กระทำผิด ในข้อหาล่าสัตว์ป่า และเชื่อมโยงวัตถุพยายาน ที่มีหลักฐาน DNA เสือดำบนมีดและเขียง ที่คุณเปรมชัย รับว่านำมาจากบ้าน
ส่วนที่ไม่มั่นใจคือ "แบ่งหน้าที่กัน" นี่จะแบ่งความรับผิดกันแค่ไหน หรือผิดเท่ากัน ทั้งหมดต้องติดตามในชั้นศาลต่อไป"
เสือดำเฮี้ยน!"มิ่งสรรพ์"ทิ้งบอร์ดอิตาเลียนฯ
วันเดียวกัน บริษัท อิตาเลียนไทยฯ แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการไปยังกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหนังสือระบุว่า ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ครั้งที่ 6/3/2561 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561 ได้มีมติในเรื่องสาคัญ 3 เรื่อง สาระสำคัญอยู่ที่ข้อ 2.มีมติรับทราบการลาออกของ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ เนื่องจากกรณีปัญหาทุ่งใหญ่นเรศวร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2561
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท จะดำเนินการแต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อมาดำรงตำแหน่งกรรมการแทนตาแหน่งที่ว่างลงต่อไป
เผยผลงานสิ่งแวดล้อมโดดเด่น
สำหรับ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีผลงานโดดเด่น ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ไทยท่านแรกๆ ที่บุกเบิกงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและผลกระทบต่อไทย เป็นศาสตราจารย์ระดับ 11 คณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ(PPSI) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแผนงานสร้างเสริมนโยบายสาธารณะที่ดี(นสธ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และเป็นกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ขอบคุณภาพประกอบ : Ornyupa Sangkamarn
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี