จ่อถล่มอีสาน-ตะวันออก
พายุฤดูร้อน20-23มีนาคม
ปภ.ประสาน41จว.
เตรียมพร้อมรับมือ
เปิดสายด่วน1784
สภาพอากาศของประเทศไทยยังแปรปรวนอย่างหนักกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน 20-23 มีนาคม พายุฤดูร้อน จ่อกระหน่ำ “อีสาน-ตะวันออก” ปภ.ประสาน 41 จังหวัด ให้เตรียมพร้อมรับมืออันตรายล่วงหน้า เปิดสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนฉบับที่ 2 ลงวันที่ 17 มีนาคม เกี่ยวกับ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน โดยระบุว่าในช่วงวันที่ 20-23 มีนาคม 2561 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงฟ้าผ่า โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกจะมีผลกระทบในวันที่ 20 มีนาคม 2561 ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะเริ่มได้รับผลกระทบในวันถัดไป
จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยจะเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ประเด็นดังกล่าว นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 41 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง 13 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครนายก นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนในช่วงวันที่ 20 - 23 มีนาคม 2561
โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย รวมถึงตรวจสอบสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณริมถนนและพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันการล้มทับ ก่อให้เกิดอันตรายได้ อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือและระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัย โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง งดเว้นการใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดบริเวณที่โล่งแจ้งเพราะอาจเกิดฟ้าผ่า ทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย อีกทั้งห้ามหลบพายุบริเวณใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรงเพราะอาจได้รับอันตรายจากการถูกล้มทับ ตลอดจนห้ามเข้าใกล้บริเวณที่มีสายไฟฟ้าขาดหรือเสาไฟฟ้าล้ม เพราะอาจได้รับอันตรายจากไฟฟ้าดูด ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
วันเดียวกัน นายสาคร รุ่งเรือง รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้รับรายงาน สถานการณ์หมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 17 มีนาคม 2561 ว่า ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือค่า PM10วัดได้ 101 มคก./ลบ.ม.( ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ “เฝ้าระวัง” (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 120 มคก./ลบ.ม.) ทั้งนี้ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กจากควันไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 14 จนถึงวันที่ 17 มีนาคม ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเจือปนในอากาศ ได้เพิ่มสูงตามลำดับดังนี้ 75 , 85 , 106 และ 101 มคก./ลบ.เมตร
ล่าสุดสถานการณ์ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน จะพบว่ามีหมอกควันไฟป่า ลอยปกคลุมไปทั่ว และประชาชนเริ่มมีอาการแสบเคืองตา โดยเฉพาะในช่วงเช้า สภาพอากาศที่ยังคงหนาวเย็น ส่งผลให้ความกดอากาศสูงกดดันให้หมอกควันจากไฟป่าในพื้นที่ อ.ปางมะผ้า และ อ.ขุนยวม ลอยมาปกคลุมตัวเมืองแม่ฮ่องสอนที่ตั้งอยู่ในลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ
ขณะที่ ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เร่งรัดให้ หน่วยพ่นฝอยละอองน้ำ ของ ปภ. จาก ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง มาช่วยพ่นฝอยละอองน้ำเพื่อกำจัดหมอกควันในพื้นที่ อ.เมือง โดยมีกำหนดเดินทางถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 19 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ เพื่อนำเครื่องจักรมาพ่นฝอยละอองน้ำเพื่อกำจัดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศให้ลดน้อยลง และให้มีค่าไม่เกินมาตรฐาน
ในด้านสถานการณ์ไฟป่า ทั่วไปพบว่า มีการลอบเผาป่าในแทบทุกอำเภอทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหนักสุดในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง , อ.เมือง และ อ.ปาย ที่ดาวเทียมสามารถตรวจจับจุดความร้อน ( ฮอทสปอต ) ได้ถึง 13 จุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี