"ทนายสุกิจ"พา"แผน"พยานฝ่าย"ครูปรีชา"เข้าแจ้งความตำรวจ สน.บางเขนจับ"อัจฉริยะ"ไลฟ์สดหมิ่นประมาทกล่าวหาอยู่เบื้องหลัง ลั่นกองปราบฯ ออกหมายจับโดนฟ้องกลับแน่ จวกทั้งที่รู้นายแผนอยู่ กทม.แต่ดันส่งหมายเรียกไปที่กาญจน์ ผบก.ป.ปฏิเสธส่งชุดคอมมานโดตามประกบนายแผน อ้างภารกิจอื่นสำคัญกว่า ด้านรอง ผบช.ก.เตรียมดำเนินคดีทั้ง 3 กลุ่มก่อนชงอัยการพิจารณาคดี
วันนี้ (17 มี.ค.61) นายสุกิจ พูลศรีทรัพย์ ทนายความ พร้อมกับนายฐนุกา เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน คนขับรถของธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพยานฝ่ายนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี คู่กรณีกับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ในคดีหวย 30 ล้าน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี สว.(สอบสวน) สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมที่ไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก แฟนเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเมื่อวันที่ 16 มี.ค.61 ที่ผ่านมา ความยาว 28 นาที โจมตีกล่าวหาว่า มีทนายคนหนึ่งอยู่เบื้องหลังเป็นกุนซือให้นายแผน
โดยแจ้งข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 เรื่องนำเสนอหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง อันส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยต่อสังคม และฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลที่บัญญัติห้ามคู่ความมิให้เป็นแพร่ข้อมูลและพยานหลักฐาน ซึ่งอาจกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ คลิปดังกล่าว นายสุกิจ ได้เห็นตอนเดินทางไปที่สภาทนายความถือว่าเป็นการกระทำผิดในท้องที่ สน.บางเขน ซึ่ง นายสุกิจ ได้กล่าวแทนนายแผน กรณีตำรวจกองปราบปรามออกหมายเรียกนายแผนว่า "ตำรวจก็รู้อยู่แล้วว่านายแผน อยู่กรุงเทพฯ แต่ยังส่งหมายเรียก 2 ครั้งไปที่บ้านภูมิลำเนาของนายแผน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านเป็นคนรับหมาย ถ้าไม่มีคนรับก็ลองออกหมายจับดูจะได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีการออกหมายจับก็จะฟ้องกลับตำรวจ" เบื้องต้น ตำรวจได้สอบปากคำ นายสุกิจ ไว้เป็นหลักฐานและจะได้เรียกนายอัจฉริยะ มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ขณะที่นายแผน ไม่ได้พูดหรือให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ผบก.ป.ปฏิเสธส่งชุดคอมมานโดตามแผน
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่นายฐนุกูล เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน พยานฝั่งนายปรีชา ใคร่ครวญ ที่เดินทางมายื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้มีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI รับคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านเป็นคดีพิเศษว่า กรณีที่นายแผน จะยื่นคำร้องกับหน่วยงานใดๆ ก็ตามไม่มีผลต่อการทำงานและการสรุปสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เนื่องจากขณะนี้สำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาทระหว่างหมวดจรูญและครูปรีชา มีความคืบหน้าไปมากแล้ว
โดยสำนวนคดีถือว่าเกือบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งในคดีดังกล่าวมีสำนวนที่ต้องส่งให้อัยการทั้งสิ้น 3 สํานวน ขณะนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ 1 สำนวน อีก 2 สำนวนที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานและสำนวนการสอบสวน เหลือเพียงการลงมติจากที่ประชุมคณะทำงานคดีดังกล่าวว่า จะส่งสำนวนทั้งหมดให้อัยการเมื่อไหร่ ซึ่งคาดว่า น่าจะใช้เวลาไม่เกินในเดือนนี้
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายแผนอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามชุดคอมมานโดสะกดรอยติดตาม เพื่อนำหมายเรียกมามอบให้และติดตามความเคลื่อนไหวนั้น ตนขอปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะคดีนี้ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ หรือมีเหตุสำคัญ ที่จะต้องใช้เจ้าหน้าที่ชุดคอมมานโดติดตามนายแผน เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมีภารกิจที่จำเป็นและสำคัญมากกว่าการติดตามตัวนายแผน
ผบก.ป.ท้า"แผน"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้มาสู้คดี
ส่วนเรื่องการออกหมายเรียกนายแผนเข้ามารับทราบข้อกล่าวหานั้น ขณะนี้นายแผนได้ถูกออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยในหมายเรียกระบุให้นายแผนเข้ามาพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามในวันที่ 21 มี.ค.61 นี้ และเมื่อวันที่ 16 มี.ค.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามและตำรวจในพื้นที่ได้นำหมายเรียกไปที่บ้านพักของนายแผนในจังหวัดกาญจนบุรี พบว่า มีคนอยู่ภายในบ้าน 1 คน จึงนำหมายเรียกมอบให้ และแจ้งให้ส่งข้อมูลดังกล่าวต่อให้นายแผนปฏิบัติตามหมายเรียก พร้อมทั้งถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
"จากกรณีดังกล่าวเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งชุดปฏิบัติการพิเศษไปส่งหมายเรียกให้ และตนเองมองว่า การนำหมายเรียกไปมอบให้ในขณะที่ไปร้องเรียนตามที่ต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม"
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่ออีกว่า หากนายแผนบริสุทธิ์ใจก็ให้ต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม และเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานก็สามารถใช้ต่อสู้ในชั้นศาลได้ ส่วนหลังจากวันที่ 21 มี.ค.61 นี้ นายแผน ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เจ้าหน้าที่จะออกหมายจับเลยหรือไม่ ต้องรอหลังกำหนดในหมายเรียกก่อน จึงจะพิจารณาดำเนินการในขั้นต่อไปอีกครั้ง
ตำรวจจ่อฟัน 3 กลุ่มก่อนชงอัยการ
ด้าน พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีหวย 30 ล้านบาท เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในคดีหวย 30 ล้านบาทว่า ตามที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้เคยระบุไว้ว่า การดำเนินคดีกับผู้ต้องหานั้นจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คนได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว 2 คนคือครูปรีชา ใคร่ครวญ และนางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น, ส่วนกลุ่มที่ 2 ขณะนี้กำลังพิจารณาออกหมายจับเป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุ และกลุ่มที่ 3 จะเป็นกองเชียร์รวมถึงคนที่ออกมาเคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางต่างๆ จนทำให้สังคมเกิดความสับสน ซึ่งทางคณะทำงานต้องดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 กลุ่มให้แล้วเสร็จก่อนที่จะสรุปสำนวนมีความเห็นส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดี
ส่วนสำนวนคดีที่ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) ผู้ต้องหาตามความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมถึงคดีที่ครูปรีชา, เจ๊บ้าบิ่น และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ "เจ๊พัช" ที่ถูกแจ้งข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น คดีนี้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) แยกไปดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี