ตร.ปทส.ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ "คณิต"ภรรยา"เปรมชัย"ผู้ต้องหาคดีฆ่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่ มารับทราบข้อหาครอบครองงาช้างอังคาร 20 มี.ค.นี้ ด้านนักกฎหมาย ม.สงขลานครินทร์ พร้อม ปธ.ครูแห่งประเทศไทย ร่วมชมรมคนรักเสือดำกาญจน์ปลุกกระแสคนไทยปกป้องสัตว์ป่า จี้รัฐบาลแก้กฎหมายใหม่ให้สอดคล้องตามจริง ชี้ กม.เก่าโทษเบาไป พร้อมนัดทำบุญให้เสือดำ 7 เม.ย.นี้ นายกเล็กพนมทวนเปรียบสุดเจ็บใครทำร้าย "เสือดำ"กับ"ตัววรนุช"มีโทษเท่ากัน
วันนี้ (17 มี.ค.61) พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นางคณิต กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย และ น.ส.วันดี สมภูมิ ซึ่งเป็นเซ็นต์รับรองงาช้าง มารับทราบข้อหามีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ว่า หลังจากวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาทั้ง 2 คนไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อหา พร้อมกับนายเปรมชัย เนื่องจากติดภารกิจและอีกรายอ้างว่ายังไม่ได้รับหมายเรียก
"ในเรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกให้ทั้ง 2 คนมารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวในวันที่ 20 มีนาคมนี้ที่ บก.ปทส. ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเดินทางมาร่วมสอบปากคำและติดตามความคืบหน้าของคดีในวันดังกล่าวด้วยหรือไม่นั้นยังไม่ได้รับการประสาน" พล.ต.ต.ปัญญา กล่าว
คนกาญจน์ตื่นตัวตั้ง"ชมรมคนรักเสือดำ"
วันเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 6 ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้ตั้งเป็นชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี นายสมชาย พรหมชนะ ประธานชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี นายสมศักดิ์ พนมชัยสว่าง นายกเทศมนตรีตำบลพนมทวน และนายอภิรักษ์ คชนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมกันจัดเวทีแถลงข่าว "รณรงค์ห้ามล่าสัตว์ป่าทุกชนิด" เนื่องจากที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ นำอาวุธปืนเข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง คือเสือดำ ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ตามที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
การแถลงข่าวในครั้งนี้ ดร.ธวัชชัย พิกุลแก้ว ประธานชมรมเพื่อนครูแห่งประเทศไทย นายกสมาคมศึกษาธิการแห่งประเทศไทย และ ดร.มานพ พรหมชนะ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในฐานะที่ปรึกษาชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี เข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก พร้อมใจกันสวมเสื้อชมรมคนรักเสือดำ ที่มีสัญลักษณ์ของเสือดำ เข้าร่วมรณรงค์อีกด้วย ซึ่งการแถลงข่าวใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนง
ปลุกกระแสสังคมร่วมกันปกป้องเสือดำ
นายสมชาย พรหมชนะ ประธานชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี เปิดเผยว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องคดีความของกลุ่มผู้กระผิดที่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เนื่องจากขณะนี้คดีเข้าสู่กระบวรการของศาลแล้ว ดังนั้น เราจึงจะไม่ก้าวล่วง แต่การแถลงข่าวเรามีวัตถุประสงค์ที่แท้จริง 7 ประการ คือ
1. เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่เป็นสมบัติของชาติและของโลก
2. สร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการรักษาคุ้มครองสัตว์ป่าให้คงอยู่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติสืบต่อไป
3. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
4. เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนในชาติได้เกิดแนวความคิดในการอนุรักษ์ธรรมชาติ
5. เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
6. เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนัก ในการรักษาป่าและสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อสงวนให้อนุชนรุ่นหลัง
และ 7. ให้ความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน การคุ้มครองป่าและสัตว์ป่าตามที่องค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุน รวมถึงการยกย่องเชิดชูผู้ที่ทำประโยชน์ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นัดทำบุญให้"เสือดำ"ที่ถูกฆ่า 7เม.ย.นี้
โดยวันที่ 7 เม.ย.61 นี้ ทางชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี จะทำบุญให้กับเสือดำตัวที่ตายไป และจะดำเนินการเตรียมสร้างอนุสาวรีย์รูปปั้นเสือดำ เพื่อนำไปตั้งไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับชนรุ่นหลัง ที่บริเวณจุดที่เสือดำถูกล่าจนเสียชีวิตภายในเขตรักษาพันสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ และหลังจากนี้ทางชมรมจะยื่นเรื่องขออนุญาตไปยังกรมอุทยานฯ หากกรมอุทยานฯอนุญาต ทางชมรมฯจะได้เชิญชวน นิสิต นักศึกษา สหภาพแรงงาน และประชาชนทั้งจังหวัดกาญจนบุรี และทั่วประเทศ และนอกจากนี้ในวันดังกล่าว ขอรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน พร้อมใจกันสวมเสื้อรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ป่า และการทารุณกรรมสัตว์ อย่างพร้อมเพรียงกัน
จี้รัฐบาลควรแก้ กม.ใหม่ให้แรงกว่าเดิม
ดร.มานพ พรหมชนะ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่าอยากจะฝากว่าที่จริงแล้วนักกฎหมายทุกคนก็จะทราบดีว่ากฎหมายนั้นจะต้องมีการเท่าเทียมกับทุกคน ซึ่งการจะบังคับใช้กฎหมาย จะเลือกปฏิบัติคนจนคนรวยไม่ได้ ดังนั้น ตนจึงมองว่าก็ควรจะใช้กฎหมายให้เสมอภาคเท่าเทียมกัน หรือว่าทุกคนจะต้องมีความเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย
"ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ฯ ตรวจสอบเบื้องต้นมีกฎหมายที่บังคับใช้อยู่กว่า 800 ฉบับ ใน 800 กว่าฉบับมีอยู่เป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมให้ทันสมัยขึ้น เช่น พระราชบัญญัติสงวนคุ้มครองสัตว์ป่า ของไทยเรามีมาตั้งแต่ พ.ศ.2503 ซึ่งผ่านมากว่า 60 ปีแล้วซึ่ง พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่าหายาก เช่นเสือดำ ต้องได้รับการปกป้องและคุ้มครองมากกว่านี้ และจะต้องมีบทลงโทษที่หนักกว่า ความจริงสัตว์ทุกชนิดก็มีความสำคัญเท่าๆกัน แต่สัตว์ป่าบางชนิดจะต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงกว่า เพราะอนาคตข้างหน้าอาจจะไม่มีให้อนุชนรุ่นหลังได้เห็นและได้ศึกษาอีกต่อไป" ดร.มานพ กล่าว
แนะปลูกฝั่งเยาวชนมีจิตสำนึกรักสัตว์
ดร.ธวัชชัย พิกุลแก้ว ประธานชมรมเพื่อนครูแห่งประเทศไทย นายกสมาคมศึกษาธิการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องเสือดำเป็นการจุดประกายขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ ดร.มานพ พูดว่ากฎหมายจะต้องมีความเท่าเทียมกัน ตนก็ให้ข้อคิดว่า ขณะนี้เรื่องคดีก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วเราจะไม่พูดถึงเรื่องคดี แต่ก็ฝากไปว่าอย่าละเว้นการปฏิบัติ ต้องให้ความเสมอภาคทางด้านกฎหมายเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะฉะนั้นถ้านักเรียน นักศึกษาที่จะเรียนเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งที่จริงมันเป็นหลักสูตรที่ไม่ตายตัว ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แน่นอนไปเลยว่า การเรียนมันมีกี่หน่วยกิจ มีกี่ภาคเรียน และจะต้องสอนกันมาตั้งแต่รุ่นเด็กเล็กไปจนถูกคนโต คือเด็กเล็กจะต้องสอนให้เขารู้จักปลูกฝังให้เขารู้ว่า นี่คือเสือดำ นี่คือเสือดาว เป็นต้น
"เมื่อเขาโตขึ้นจะต้องให้เขารู้จักการป้องกัน การป้องกันก็คือจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เสือเหล่านี้ถูกล่า หรือหากรู้ว่าใครล่าจะต้องแจ้งไปที่ใด ซึ่งถ้าเราช่วยกันปลูกฝังเด็กและเยาวชนมาตั้งแต่เล็ก เชื่อว่าโอกาสที่การคุ้มครองสัตว์ป่า จะยั่งยืนอย่างแน่นอน อีกประเด็นก็คือจะต้องปลูกฝังให้เขามีจิตใจเป็นคนรักสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า ซึ่งผู้ปกครองก็สำคัญ จะต้องปลูกฝังให้บุตรหลานรักสัตว์ตั้งแต่เป็นเด็ก ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนก็สำคัญ เพราะปัจจุบันหลักสุตการเรียนจะไม่ได้เน้นเรื่องทรัพยากรสักเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปเน้นเรื่องวิชาการ ดังนั้น ผมจึงอยากให้รัฐบาล เปิดหลักสูตรเน้นในเรื่องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่านี้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก"
ใครฆ่าเสือดำ-ตัวเงินตัวทองควรรับโทษ
ส่วนนายสมศักดิ์ พนมชัยสว่าง นายกเทศมนตรีตำบลพนมทวน กล่าวว่า วันนี้เรามาคุยกันเรื่องเสือดำ เพราะว่านายสมชาย ประธานชมรมฯกลัวว่าเสือดำจะหมดจากป่า ซึ่งตามธรรมชาติของเสือดำจะอยู่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่อยู่ในซีกภาคตะวันตกของไทย เช่น ป่ากุยบุรี ประจวบฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแก่งกระจาน และพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีอยู่รวมกันประมาณ 500 ตัว สำหรับเสือดำกับเสือดาว เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกัน เพียงแต่ว่าเสือดำมันผิดแปลกตรงที่ว่าเลือดเม็ดสีมันเปลี่ยนไปก็เลยกลายเป็นเสือดำ
สำหรับจำนวนเสือดำที่มีอยู่นั้นถือว่าไม่มาก ซึ่งตนก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน ซึ่งเสือดำนั้นเป็นสัตว์คุ้มครอง หากใครล่าและถูกจับก็ถูกดำเนินคดีคือจำคุกเพียงแค่ 4 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท
"ถามว่าทุกคนรู้จักตัวเงินตัวทองหรือไม่ ซึ่งสัตว์ชนิดนี้ก็เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเช่นกัน หากใครทำผิดก็จะถูกลงโทษจำคุก 4 ปี เช่นเดียวกันกับเสือดำ ซึ่งตัวเงินตัวทองจะต้องไล่จับนำไปปล่อยที่ป่า ต่างจากเสือดำเป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็อยากให้รัฐบาลนี้เปลี่ยนกฎหมายใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง" นายสมศักดิ์ กล่าว
อิตาเลียนไทยยอมปลดป้ายยี่ห้อเบียร์พ้นตึก
ด้าน นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา กล่าวถึงกรณีตึกอิตาเลียนไทย ได้ปลดป้ายบิลบอร์ดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ ที่ติดบนผนังตึกออกแล้ววันนี้ว่า ตามที่เครือข่ายฯได้นำหลักฐานและข้อมูลมอบให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จนนำมาซึ่งการปลดป้ายตึกอิตาเลียนนั้น ต้องขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และสื่อมวลชนที่ติดตามช่วยกระตุ้นเรื่องป้ายโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 32 ซึ่งพบเป็นจำนวนมากในพื้นที่ กทม. และหากปลดป้ายบนตึกอิตาเลียนไทยแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด กับสิ่งที่ตึกอิตาเลียนทำผิดกฎหมายสำเร็จแล้ว และเอาผิดไปถึง?ทั้งเจ้าของตราผลิตภัณฑ์และเจ้าของตึก รวมถึงป้ายที่ให้ติดตั้ง เพราะทำผิดกฎหมายชัดเจน ที่ผ่านมาท้าทายฝ่าฝืนกันมานานมากแล้ว จะมาอ้างไม่รู้กฎหมายไม่ได้
"ธุรกิจน้ำเมาต้องเอาป้ายที่มีลักษณะเข้าข่าย?ผิดกฎหมาย ออกให้หมด เนื่องจากยังมีป้ายโฆษณตราผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียง ตราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งใช้เพื่อสื่อสารทางการตลาด จนคนทั่วไป รับรู้ได้แล้วว่าคือการโฆษณาเหล้าเบียร์ เท่ากับว่า เขาทำการค้าไม่ตรงไปตรงมา ใช้เล่ห์?เหลี่ยมเลี่ยงกฎหมาย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เอาผิดด้วย ส่วนธุรกิจน้ำเมาเอง ต้องหยุดมอมเมา เลิกทำตัวเป็นศรีธนชัย เลิกทำป้ายสื่อสารแบบผิด หรือเลี่ยง?กฎหมาย ขณะที่เจ้าของตึก หรือเจ้าของผู้ให้ติดตั้งป้าย ต้องรอบคอบ อย่าติดป้ายที่ผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้น ท่านเอง ก็จะเป็นจำเลยร่วมในการกระทำความผิดด้วย และหลังจากนี้เครือข่ายฯ จะติดตาม ป้ายสื่อสารการตลาดทุกป้าย ทุกแบรนด์ และนำเสนอกลไกรัฐ และสาธารณะเป็นระยะ" นายคำรณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี